นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) สภาวิศกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) วันนี้ (30 ก.ย. 2565) ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรมให้ครอบคลุมในทุกมิติด้านงานวิศวกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางของประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของตน ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดฯ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระเบียบ กฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่อุบัติเหตุคานสะพานกลับรถร่วงหล่นบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34+000 บริเวณสะพานกลับใกล้โรงพยาบาลวิภาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาครพังถล่ม เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2565 อาจสร้างความไม่มั่นใจในการเดินทางของประชาชน กระทรวงฯ จึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างของสะพานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทล. ที่มีมากถึงกว่า 17,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี จากที่จริงแล้วควรมีอายุ 25 ปี ที่จะต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ทั้ง 3 หน่วยงาน จึงได้บูรณาการร่วมกัน (Third Party) เพื่อตรวจสอบอย่างรัดกุม และโปร่งใส ตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการ จนถึงโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม หลังจากความร่วมมือของ ทล. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานแรกในครั้งนี้แล้วนั้น กระทรวงคมนาคมจะขยายความร่วมมือไปยังอีก 18 หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ เพิ่มเติมต่อไป พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากสภาวิศกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดส่งบุคลากรมาร่วมดำเนินการด้วย
“ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการช่วยกันในการดำเนินการโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ที่ได้ดำเนินการอยู่ เช่น MR-MAP, รถไฟทางคู่, รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น ให้เป็นไปตามหลักวิชาชีพและหลักวิศวกรรม ถึงแม้ ทล. จะดำเนินการอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการตรวจสอบอย่างรัดกุม และสร้างความเชื่อมั่นในสายตาประชาคมอาเซียน เอเชีย และระดับโลก สอดรับกับตำแหน่งที่ตั้งของไทย ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน ทั้ง 4 มิติ คือ ทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงผลสอบข้อเท็จจริงอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถ บริเวณถนนพระราม 2 พังถล่มว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถโครงการบูรณะและปรับปรุงสะพานทางหลวงหมายเลข 35 ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก-นาโคก ตอน 2 จ.สมุทรสาคร ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด และสอบวินัยเจ้าหน้าที่ 3 ราย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมไม่ได้ละเว้น พยายามติดตาม และเร่งรัดผลการสอบมาตลอด เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้มีการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก หากเร่งรัดจนเกินไปจะเกิดความไม่รอบคอบได้ และผลสอบอาจจะคลาดเคลื่อนได้
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า จากความร่วมมือในครั้งนี้ ทล.จะใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการทดสอบสะพานกลับรถบนถนนพระราม 2 จำนวน 16 แห่ง และขยายผลสู่สะพานอื่นๆ ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปีต่อไป ส่วนสะพานกลับรถบนถนนพระราม 2 ตอนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34+000 บริเวณสะพานกลับใกล้โรงพยาบาลวิภารามนั้น ทล.เตรียมปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวในวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. 2565 รวมระยะเวลา 5 วัน เพื่อติดตั้งคานสะพาน จากนั้นจะนำรถบรรทุกมาวิ่งทดสอบน้ำหนัก ระยะเวลา 1 สัปดาห์ และจะเปิดให้บริการในวันที่ 11 พ.ย. 2565
ขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565-ก.ย. 2566) จะว่าจ้างสถาบันอุดมศึกษาจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมสำรวจสะพานขนาดใหญ่ จำนวน 1,000 สะพาน อาทิ จุดกลับรถ สะพานข้ามแยก สะพานข้ามทางรถไฟ รวมถึงสะพานที่มีอายุเกิน 30 ปี โดยจะตรวจสอบอย่างละเอียด อาทิ ความแข็งแรงของสะพาน การรับน้ำหนักและชิ้นส่วนของสะพาน ซึ่งคาดว่า จะทราบผลการสำรวจเบื้องต้นภายใน 6 เดือน
นายสราวุธ กล่าวถึงผลสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุบนถนนพระราม 2 ว่า ทล. ได้ส่งผลการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ 3 รายไปยังคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ แล้ว ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมาสอบวินัยอีก 1 ชุด เพื่อพิจารณาผลสอบอีกครั้ง ให้มีความรอบคอบ และเป็นธรรม คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาแล้วเสร็จอีกประมาณ 3 เดือน