อุตสาหกรรมไทยจะรุ่งหรือร่วง! ส.อ.ท เปิด 7วิกฤติ 7 ทางออก

04 ต.ค. 2565 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2565 | 13:12 น.

ประธาน ส.อ.ท. เผย อุตสาหกรรมไทย ปี 2566 ท้าทายสูง จาก 7 ปัจจัยเสี่ยงของโลก ต้นทุนแพง-ดอกเบี้ยพุ่ง แนะ 7 ทางออก ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมนำอุตสาหกรรม ระบุ เศรษฐกิจไทยจะรอดหรือร่วง! ขึ้นอยู่ที่รัฐ สนับสนุนเอกชนอย่างไร

ต.ค.2565 - นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุ ถึงทิศทางภาคอุตสาหกรรมไทย ปี 2566 ในวงเสวนา : 'ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2023 รอดหรือร่วง' งาน Thailand Economic Outlook 2023 ซึ่งจัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทย กำลังอยู่บนความเสี่ยง จากสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอนและผันผวนสูง หลายปัจจัยภาพใหญ่ มีความคลุมเครือและซับซ้อน ขณะภาคอุตสาหกรรมไทย ยังถูกไล่ล่า จากการเปลี่ยนทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยี หรือ ดิจิทัลดิสรัปชั่น อย่างรวดเร็วรุนแรง

 

เช่นเดียวกับ ภาพกำลังซื้อที่ถดถอย เพราะ ประเทศไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้างประชากร หลังจากวัยทำงานน้อยลง เด็กแรกเกิดเกิดใหม่ลดลงราว 3 แสนคน แต่กลับมีคนสูงวัยในระบบมากขึ้น นั่นกลายเป็นกับดักสำคัญ ที่อาจทำให้ประเทศไทยไม่สามารถหลุดพ้นจากคำว่า 'ประเทศกำลังพัฒนา' ได้ ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลกระทบมายังแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สะท้อนภาพการเติบโตต่ำที่ไม่ถึง 3% หลายปีติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายสูงสุดในขณะนี้ และ ระยะข้างหน้า คือ ภาคอุตสาหกรรม กำลังเผชิญกับ PERFECT STROM อย่างเต็มตัว จากผลพ่วงของสงครามความขัดแย้งรัสเซียลยูเครน ได้แก่ 

  • เงินเฟ้อไทย เดือน สิงหาคม อยู่ที่ 7.86% สูงสุดในรอบ 14ปี 
  • การขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น Chip อาหารสัตว์ ปุ๋ย และ สารเคมี
  • ต้นทุนค่าพลังงาน หลังจากค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 17% ,ราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี ราคาก๊าซหุงต้น LPG ขึ้นเป็น 408 บาทต่อถัง เพิ่มขึ้น 28% 
  • ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้น 5-8%
  • อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี ทะลุ 38-39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 
  • อัตราดอกเบี้ย ปรับขึ้นเป็น 1% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 
  • ต้นทุนค่าขนส่ง เช่น ค่าระวางเรือ เดือน สิงหาคม อยู่ที่ 5,800 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ TEU เพิ่มขึ้น 45%

 

ทั้งหมด ถือเป็นความท้าทาย และกำลังฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสหกรรมไทย เมื่อเทียบกับ ต้นทุนที่ถูกกว่าของประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เวียดนาม ซึ่งอาจทำให้ ต่างชาติเหลียวมองเวียดนามมากกว่าบ้านเรา 

นายเกรียงไกร ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2565 นั้น จะชะลอตัวลง จาก 6.1% เหลือ 3.2% ทั้งนี้ มาจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ และ หลายประเทศทั่วโลก จากผลกระทบอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูง จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะแนวโน้มเศรษฐกิจไทย อ้างอิงคาดการณ์จากธนาคารโลก ประเมินว่า จีดีพีไทย ปี 2565 อยู่ที่ระดับ 3.1% ซึ่งถูกปรับเพิ่มขึ้นมา จากการบริโภค และ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น 

 

สำหรับแนวทาง การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรม อยากให้ภาคเอกชน ปรับตัว รับมือ 6 ด้าน ดังนี้ 

  1. มุ่งสู่  BCG MODEL
  2. เทคโนโลยีและนวัตกรรมนำอุตสาหกรรม 
  3. การให้ความสำคัญกับ Supply chain security
  4. การใช้พลังงานทดแทนเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรม
  5. การพัฒนาทักษะด้านแรงงานที่จำเป็น 
  6. การรับมือกับปัญหา Climate change

 

ทั้งนี้ ประการที่ 7 แม้เอกชนไทยแข็งแกร่ง เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเสมอมา แต่มีความจำเป็นต้องอาศัยการผลักดันผ่านนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน โดยความคาดหวังของเอกชน จากสัญญาณการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า คือ ความต่อเนื่องทางนโยบาย การปลุกปั้นโมเดลที่จริงจังระหว่างรัฐและเอกชนเฉกเช่น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ถึงจะตอบคำถามได้ว่า ปีหน้า อุตสาหกรรมไทยจะรุ่งหรือร่วง?

 

"วันนี้โลกกำลังอยู่บนความไม่แน่นอน และ ผันผวนสูง ขณะภาคอุตสาหรรม เจอ PERFECT STROM ค่าแรง ,เงินเฟ้อ ,อัตราแลกเปลี่ยน ,ขาดแคลนวัตถุดิบ ,อัตราดอกเบี้ย และ ต้นทุนแพง ความสามารถการแข่งขันตกจากอันดับที่ 28 มาอยู่ที่ 33 จะรอดหรือจะร่วง ? อยู่ที่เอกชนกับรัฐจะจับมือกันอย่างไร "

อุตสาหกรรมไทยจะรุ่งหรือร่วง! ส.อ.ท เปิด 7วิกฤติ 7 ทางออก