กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยยอดการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในช่วง9เดือน(ม.ค.-ก.ย.)พบว่า มีจำนวน 11,439 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 31% มูลค่าการจดทะเบียนเลิก 88,245.49 ล้านบาท
ธุรกิจที่จดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
โดยจากสถิติ 9 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.) การจดทะเบียน จัดตั้งต่อเลิกกิจการ คิดเป็น 5:1 และเมื่อพิจารณาการจดทะเบียนย้อนหลัง 5 ปี จะพบว่าการจดทะเบียนเลิกจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และสูงสุดในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปี ซึ่งคาดการณ์ตัวเลขในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 จะสูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามแน้วโน้มของการจดทะเบียนเลิกในทุกปีและสอดคล้องกับตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้ง ที่ธุรกิจจัดตั้งสูงและมีการเลิกสูงไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับการบริหารจัดการด้านงบการเงินของนิติบุคคลในรอบปีบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในปี โดยไม่ต้องบริหารจัดการอีกในปีถัดไป ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการจดทะเบียนเลิกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ธุรกิจที่เลิกกิจการ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่เป็นการเลิกกิจการเพราะตัวของเจ้าของธุรกิจเอง เช่น นาย ก เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเพื่อมารับงานภาครัฐ แต่พอประมูลงานไม่ได้ก็ปิดบริษัทไปแล้วไปเปิดบริษัทอื่น หรือธุรกิจร้านเสริมสวย ย้ายจากสาขาหนึ่งไปยังสาขาหนึ่งโดยใช้ชื่อร้านใหม่ ตั้งบริษัทใหม่ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ ก็เลิกกิจการเดิมไป เป็นต้น แต่ทั้งนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิดก็มีเช่นกันแต่ไม่มาก ดังนั้นการที่ยอดธุรกิจเพิ่มขึ้นไม่ได้แปลว่าธุรกิจไปไม่ได้เพราะเศรษฐกิจเป็นหลักแต่เป็นเพราะตัวของธุรกิจเองด้วยที่มีการเปลี่ยนแปลง