พักหลังๆจะเริ่มเห็นคนพูดถึงเงินเท่าเดิมแต่ซื้อของแพงขึ้น นั้นเป็นเพราะ ราคาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมีราคาสูงขึ้น ในขณะที่รายได้ของเราเองยังเท่าเดิม ทำให้รู้สึกว่าซื้อของได้น้อยลงแต่จ่ายเพิ่มขึ้น “เงินเฟ้อ” คือค่าดัชนีชี้วัด ค่าของเงินในกระเป๋าที่เรามีอยู่ว่ามีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าค่าเงินเฟ้อเป็นบวกมากๆ ก็แสดงว่าเงินในกระเป๋ามีค่าน้อยลงตาม อำนาจจับจ่ายก็น้อยไปด้วย
ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ย.2565 เพิ่มขึ้น 5.55% ส่วนเงินเฟ้อรวม 11 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-พ.ย.) อยู่ที่ 6.10% และกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ไว้ที่ 5.5 - 6.5
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 8.40% ส่วนสินค้าหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 3.59% ตามการสูงขึ้นของสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม รวมทั้งค่าโดยสารสาธารณะ ขณะที่สินค้าทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาล้างจาน ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย
เรามาดูกันว่า ในเดือนพ.ย.2565 มีค่าใช่จ่ายอะไรบ้างที่คนไทยต้องจ่ายในเดือนนี้บ้าง
ทั้งนี้ถ้าดูสัดส่วนการบริโภคต่อครัวเรือน พบว่า สินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถึงร้อยละ58.45% โดย ค่าโดยสารรถสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์ สูงถึง 23.34% รองลงมาเป็นค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าชหุงต้ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ22.14% ส่วนสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ถึงร้อยละ41.55% โดย เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ สูงถึง9.74% รองลงมาเป็นอาหารบริโภคในบ้าน 8.94% และอาหารบริโภคนอกบ้าน 6.87% เป็นต้น
ทั้งนี้คนไทยยังคงต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวที่สูงในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม สินค้ากลุ่มอาหาไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ ไข่และผลิตภัณฑ์นม และอาหารสำเร็จรูป และค่าโดยสารสาธารณะ ยังสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน รวมทั้ง อุปสงค์ในประเทศที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป