สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 81.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 87.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565
การเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ดีเกินคาดช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจาก GDP หดตัวลง 1.6% ในไตรมาส 1/2565 และหดตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 448.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
จิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า จีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออกในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดพรมแดนครั้งแรกในรอบ 3 ปี และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัว
นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุม JMMC จะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566