นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการขยายความมือเพื่อขยายผลการแก้หนี้ลงไปเฉพาะกลุ่ม โดยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการแก้หนี้สินครู กระทรวงแรงงานช่วยเหลือหนี้ให้กับกลุ่มแรงงาน
ส่วนมหกรรมร่วม ใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืนสัญจรนั้น ล่าสุดได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ที่ จ.สงขลา โดยคาดว่าในภาพรวมทั้งหมดของมหกรรม ร่วมใจแก้หนี้ฯมีผู้มาลงทะเบียนแก้หนี้ประมาณ 5 แสนราย ยอดหนี้ประมาณ 2 -3 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะสิ้นสุดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ฯ แต่การแก้หนี้ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีการจัดงานมหกรรมก็สามารถเข้าไปปรึกษาแก้หนี้ที่สาขาต่างๆ ของสถาบันการเงินของรัฐและเอกชนได้
ทั้งนี้ การจัดงานมหกรรมนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้และหาทางออกไม่ได้ แม้ว่าสถิติของหนี้สินครัวเรือน ทั้งประเทศอยู่ที่ 88-89% ของจีดีพี การมีโครงการ มหกรรมร่วม ใจแก้หนี้ฯ จะลดสัดส่วนหนี้ลงมาได้เล็กน้อยเท่านั้น เพราะการแก้ไขไม่ได้ทำให้หนี้หมดไป เพียงแต่เป็นหนี้สินที่จัดการได้ เพราะก่อนหน้านี้ประชาชน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่มีรายได้เข้ามา เพราะประสบปัญหาโควิด-19 ปัญหาเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ราคาพลังงานปรับขึ้น
ซึ่งการเข้ามาร่วมโครงการแก้หนี้ จึงมีทั้งการช่วยเหลือ พักชำระหนี้ ปรับวงเงิน ปรับงวด ลดต้นลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อประคับประคองให้กับประชาชน พอเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวก็สามารถชำระหนี้ได้ต่อ ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ขีดความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"ประเทศไทยเป็นที่จับตาของหลายประเทศ ว่า มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่อเนื่อง ไทยน่าจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ"
สำหรับมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน ครั้งที่ 5 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดสงขลา จะมีขึ้นระหว่างในวันที่ 27 – 29 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น.