การฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียในทุกมิติในรอบ 32 ปี หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้นำคณะเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แจ้งข่าวดีต่อคนไทยหลังการเดินทางเยือนว่า ไทยและซาอุฯได้บรรลุความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์สู่ระดับปกติแล้ว นำมาซึ่งการขยายโอกาสระหว่างกันใน 9 ด้าน ที่โดดเด่นเวลานี้คือด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน และด้านแรงงาน ที่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซาอุดีอาระเบีย หรือราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ในโลกอาหรับ รองจากประเทศแอลจีเรีย เป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกนํ้ามัน รายใหญ่ ซาอุฯ เป็นประตูสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปี 2022 มี GDP per capital: 27,941 ด้วยจำนวนประชากร 36 ล้านคน
ประชากรมีกำลังซื้อสูงและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจของซาอุฯ มีอัตราการเติบโตในหลายภาคส่วน จากขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 18 ของโลก คาดว่าจะขึ้นสู่อันดับที่ 15 เพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจาก 3.8% เป็น 5.7% ของ GDP พร้อมทั้งมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ และจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจรายได้สูงสุดในโลก รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างทางสังคม ที่สนับสนุนให้เกิดการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยโครงการ Mega Project มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น การสร้างสนามบินใหม่ในกรุงริยาด, โครงการเมืองใหม่ NEOM ที่มูลค่าโครงการสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ, The Line ชุมชนแห่งอนาคตที่ทอดยาว 170 กิโลเมตร, สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกิจกรรมด้านความบันเทิงต่างๆ ภายในประเทศ และหลังจากประเทศไทยและซาอุฯ ได้มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อปลายปี 2565 ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความร่วมมือกันในหลายๆ ด้านของทั้งสองประเทศ เช่น
ด้านอาหาร สุขภาพ และการแพทย์ เทคโนโลยีการเกษตร และสิ่งแวดล้อม พลังงาน นวัตกรรมหุ่นยนต์ การก่อสร้างและการตกแต่ง ประกอบกับส่วนใหญ่ประชากรซาอุฯ มีความชื่นชอบและคุ้นเคยกับสินค้าจากประเทศไทยเป็นทุนเดิม โดยประเทศไทยมีชื่อเสียงมากกับชาวตะวันออกกลางใน ฐานะเป็น ครัวโลก และ ศูนย์กลางทางการแพทย์
ดังนั้นความสัมพันธ์ที่ฟื้นฟูหลังจากการหารือของ ราชการของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ทำให้เป็นโอกาสทองทางการค้า นักลงทุนและ ธุรกิจ SME ไทย ในการแสวงหาลู่ทางการทําธุรกิจและการแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าทั้งในซาอุฯ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอีกด้วย