นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าในภาคเอกชนมองว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเชิงเศรษฐกิจ ในวันที่27ก.ค.นี้ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้งและแค่ครั้งเดียว
ดังนั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการหารือและเจรจาทุกอย่างที่ชัดเจน ทั้งนี้เอกชนเองต้องการให้มีการเดินหน้าตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เอกชนพร้อมที่จะทำงานร่วมด้วยอยู่แล้ว เพราะนักลงทุนต่างชาติเองก็ติดตามการตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งการลงทุนที่ค้างท่อหรือที่กำลังจะลงทุนก็ยังคงเดินหน้าต่อยังไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้
“ถ้าการตั้งรัฐบาลยังอยู่ในกรอบเวลาคือเดือนกันยายนถือว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้รับผล กระทบแต่หากล่าช้าออกไปแน่นอนว่าไทยเสียโอกาส เพราะหลายประเทศต่างมองหาฐานลงทุนใหม่โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่นักลงทุนมอง และแม้ว่าการส่งออกปีนี้อาจจะขยายตัวไม่มากแต่ก็ไม่ควรต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ส่วนการท่องเที่ยวขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบซึ่งยังถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ดังนั้นการตั้งรัฐบาลยิ่งนานยิ่งไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทยควรได้รัฐบาลภายในเดือนกันยายน”
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เผยว่า การโหวตนายกฯคนที่ 30 ครั้งถัดไปในวันที่ 27 ก.ค. นี้ ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าจะเป็นในลักษณะใดแต่สิ่งที่เป็นภาพชัดเจนแล้วขณะนี้ คือ หมดสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซ้ำ
โดยหากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ก็จะได้คนที่มีประสบการณ์เข้ามาขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีคณะทำงานในด้านนี้อยู่แล้วและเคยได้พิสูจน์ให้เห็นในครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากในวันที่ 27 ก.ค. นี้ไม่ผ่านครั้งต่อไปน่าจะเป็นต้นเดือนส.ค. ดังนั้นโอกาสในการได้รัฐบาลใหม่ในเดือนส.ค. หรือช้าสุดในเดือนกันยายน นี้