นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ต้องการให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการนำมาเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย เพราะทุกวันนี้เป็นสินค้าไม่ถูกกฎหมาย ไม่มีการจัดเก็บภาษี เนื่องจากไม่มีพิกัดภาษีใดๆ ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ แต่ปัจจุบันมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก และหาซื้อง่าย ดังนั้นจึงต้องการเสนอแนะให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าโดยเร็วที่สุด
“บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าผิดกฎหมาย แต่หันไปทางไหน คนก็สูบบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนก็สูบ ดังนั้นเราควรนำสินค้าที่ไม่ถูกกฎหมาย สินค้าใต้ดิน มาอยู่บนดิน เพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐ และเพื่อกำกับดูแลใกล้ชิดทั้งการนำเข้า และสุขภาพของประชาชน ซึ่งต้องชั่งน้ำหนักระหว่างรายได้รัฐและสุขภาพของประชาชน”
ส่วนกรณีที่กรมสรรพสามิต มีแนวคิดจะปรับโครงสร้างบุหรี่เป็นอัตราเดียว จากปัจจุบันเก็บภาษี 2 อัตรานั้น ต้องเป็นอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสมดุล ระหว่างสุขภาพกับรายได้รัฐ รวมถึงต้องลดปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมาย หรือบุุหรี่เถื่อนด้วย ซึ่งปัจจุบันปริมาณบุหรี่เถื่อนในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญราว 25% ดังนั้นต้องเร่งหาจุดเหมาะสม เพื่อลดปริมาณบุหรี่เถืื่อน
“เท่าที่ทราบกรมสรรพสามิต ได้เดินสายหารือการยาสูบฯ บริษัทนำเข้าบุหรี่ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะบุหรี่เถื่อน อาจไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน ส่งผลสุขภาพผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นได้ จากปัจจุบันก็มีผลต่อสุขภาพอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอัตราภาษีบุหรี่ที่จัดเก็บในปัจจุบันเป็น 2 อัตรา คือ แบบซองและแบบม้วน ดังนี้
ส่วนการจัดเก็บรายได้ 10 เดือนปีงบประมาณ2566 จัดเก็บภาษีได้ 49,748 ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษียาสูบลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 จัดเก็บได้ 64,000 ล้านบาท ปี2565 จัดเก็บได้ 59,784 ล้านบาท