การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุด มีมติสำคัญเกี่ยวกับการอนุมัติคำขอของสารพัดหน่วยงานที่เข้ามารุมทึ้ง "งบกลาง" หรือ การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อทิ้งทวน ครม. นัดสุดท้ายของปีงบประมาณ 2566 รวมวงเงินเป็นหลักหมื่นล้านบาท
หนึ่งในนั้นมีเงินก้อนใหญ่ที่ กระทรวงการคลัง ดอดเข้ามาในที่ประชุมครม. เพื่อขอมีเอี่ยวในวงเงินงบกลางด้วย โดยเสนอของบกลาง ปี 2566 ให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการลดยอดหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล จำนวน 1.49 หมื่นล้านบาท
ส่วนใหญ่แล้วเป็นการขอเงินเอาไว้ไปหมุนจ่ายหนี้ให้กับ ลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล ซึ่งยังคงค้างมาจากนโยบาย จำนำข้าว และ โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ตั้งแต่ปี 2552-2555 ยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อลดจำนวนลูกหนี้ เตรียมรับนโยบายต่อไปของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน
เหตุผลความจำเป็น : การของบกลางครั้งนี้ กระทรวงการคลัง แจ้งว่า นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลางฯ จำนวน 14,972.41 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลให้ ธ.ก.ส.
โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น และขอให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำ ความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในปีงบประมาณ 2566
สาระสำคัญ : ธ.ก.ส. ได้มีบันทึก ด่วนที่สุด ลงวันที่ 19 กันยายน 2566 ถึง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เรื่อง ขอรับจัดสรรงบงบกลาง โดยแจ้งว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้ดำเนิน 4 มาตรการรัฐ นั่นคือ
โดยการดำเนิน 4 มาตรการที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบัน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ธ.ก.ส. มียอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลคงเหลือจากการดำเนินการใน 4 โครงการดังกล่าว เป็นจำนวนเงินรวม 31,231.51 ล้านบาท
ธ.ก.ส.จึง มีความเห็นว่า เพื่อเป็นการรองรับโครงการช่วยเหลือ ตามมาตรการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นต่อไป และไม่ให้เป็นภาระของรัฐบาลในการจัดสรร งบประมาณ ธ.ก.ส. จึงเห็นควรขออนุมัติการจัดสรรงบกลางเต็มจำนวน เพื่อนำไปลดยอดลูกหนี้ รอการชดเชยของรัฐบาลสำหรับโครงการดังกล่าวข้างต้น
จากนั้น กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เพื่อขอให้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดสรรงบกลาง สำหรับใช้ลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลทั้ง 4 มาตรการ เป็นจำนวนเงินเต็มจำนวน 31,231.51 ล้านบาท
ต่อมา สำนักงบประมาณ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ใช้จ่ายจากงบกลาง ได้แค่ 14,972.41 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อให้ ธ.ก.ส. ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล
ส่วนในงบรายจ่ายอื่นและขอให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงการคลัง จึงทำเรื่องขอเสนอเข้ามายัง ครม. พิจารณาการขอรับจัดสรรงบกลาง ให้ธ.ก.ส. เพื่อใช้ในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล วงเงิน 1.49 หมื่นล้านบาทซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
โดย กระทรวงการคลัง ระบุถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นว่า การจัดสรรงบกลางก้อนนี้ จะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ ธ.ก.ส. มีเงินทุนหมุนเวียนในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการ ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับข้อเสนอของบกลางก้อนใหญ่กว่า 1.49 หมื่นล้านบาทในครั้งนี้ ที่ประชุมครม. ได้มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ