วันนี้ (12 ตุลาคม 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นัดแรก โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้กลไกของกองทุนหมู่บ้าน เข้าไปเชื่อมโยงนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันอยู่ในขณะนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ไปพิจารณาแนวทางการขึ้นทะเบียนคนที่สนใจเข้ามาทำซอฟต์พาวเวอร์ตามนโยบายรัฐบาล โดยศึกษารายละเอียดว่า จะสามารถใช้แอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ของกองทุนหมู่บ้านได้หรือไม่
“ถ้าสามารถทำได้ ก็จะทำให้สามารถช่วยเกษตรกรได้ด้วย เพราะรัฐบาล ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำถึง 20 ล้านตำแหน่ง โดยทางกองทุนหมู่บ้านฯ ก็ได้รับไปศึกษาในรายละเอียดแล้ว” นายสมศักดิ์ ระบุ
สำหรับการขึ้นทะเบียนซอฟต์พาวเวอร์นั้น ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งแรก ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้หารือถึงเรื่องการขึ้นทะเบียน
ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการฯ ได้รายงานถึงการจัดทำแผนผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยจะเร่งขับเคลื่อน 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ หรือ One Family One Soft Power (OFOS) และ Thailand Creative Content Agency (THACCA) มีเป้าหมายยกระดับทักษะคนไทยจำนวน 20 ล้านคน สู่การเป็นแรงงานทักษะขั้นสูงและแรงงานสร้างสรรค์ และจะสามารถสร้างรายได้อย่างน้อย 4 ล้านล้านบาทต่อปี สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง
โดยแนวทางการขับเคลื่อนขั้นแรก ได้เสนอว่า ต้องพัฒนาคนผ่านกระบวนการส่งเสริมบ่มเพาะศักยภาพ โดยจะเฟ้นหาคนที่มีความฝันและอยากทำความฝันนั้นให้เป็นจริง ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ จำนวน 20 ล้านคน จาก 20 ล้านครัวเรือน
โดยให้แจ้งลงทะเบียนกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อบ่มเพาะผ่านศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ ทั้งด้านทำอาหาร ฝึกมวยไทย วาดภาพศิลปะ ฝึกการแสดง ร้องเพลง ออกแบบ แฟชั่น ฝึกแข่ง e-sport และอื่น ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กองทุนหมู่บ้านนี้ ได้ตั้งมาหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการให้เงินกู้ยืม หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ดังนั้น จากนี้จะทำให้ละเอียดมากขึ้น โดยจากที่ประชาชนเป็นหนี้ จะไม่เป็นหนี้อีก เพราะรัฐบาลจะหาทางทำให้เงินลงทุนสามารถสร้างกำไรให้กับประชาชนได้
“ตัวชี้วัดกองทุนหมู่บ้านฯ จากนี้คือ จะทำอย่างไรให้คนหายจน โดยจะต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีดอกผล และอยู่ดีมีสุข ซึ่งผมคิดว่า ควรเอาแนวนโยบายดั้งเดิมมาสานต่อคือ ทำให้ประชาชนมีความสุข พร้อมช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โดยแนวนโยบายที่จะเดินต่อไป เราต้องยึดว่า จะลดหนี้สินได้เท่าไหร่ เพราะผมอยากให้คนหลุดพ้นจากความยากจน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ยังมอบนโยบายให้ผลักดันการสร้างอาชีพ เพราะตัวอย่างผู้เข้าร่วมโครงการ ที่จังหวัดสุโขทัย แรกเริ่มกู้เงินไปจำนวน 3 หมื่นบาท แต่ปัจจุบันสามารถมีวัวแล้วถึง 9 ตัว ทำให้สามารถใช้หนี้ และเลี้ยงดูครอบครัวได้ ส่วนในอนาคต จะฝากให้รัฐบาลไปเจรจากับจีน เพื่อซื้อวัวของไทย ซึ่งจะทำให้วัวมีราคาแพงขึ้นทันที โดยเชื่อมั่นว่า ถ้าตั้งใจจริง เชื่อว่า สามารถช่วยเกษตรกรแก้หนี้สินได้อีกด้วย