หวั่น เงินดิจิทัล ไหลออกนอกประเทศ ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควร

17 ต.ค. 2566 | 09:11 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2566 | 09:21 น.

นักวิชาการ TDRI ระบุ เงินดิจิทัล ไหลออกนอกประเทศแน่นอน ผ่านสินค้าที่มีสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบ ย้ำจุดยืน โครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เร่งรัฐบาล ระหว่างหาแหล่งเงิน ทบทวนเงื่อนไขการใช้เงินด้วย

ระหว่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังปฎิบัติหน้าที่นักขาย หรือ เซลส์แมน มืออาชีพ เดินหน้าเจรจาดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ ก็ได้มีการแถลงคำมั่นเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท กับประชาชนเอาไว้ว่า จะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีความชัดเจนแล้วว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อเดินหน้าเรื่องนี้ แต่เรื่องแหล่งที่มาของเงิน และเงื่อนไขการใช้หรือแจกเงินก็ยังไม่ชัดเจน

ขณะที่นักวิชาการจำนวนมากยังคงเดินหน้าออกมาคัดค้านโครงการนี้ โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ คือการแจกเงินรอบนี้อาจมีบางส่วนที่รั่วไหลออกนอกประเทศ เพราะไทยมีการนำเข้าสินค้าค่อนข้างมากพอสมควร หรือถ้าผลิตเองก็จะมีรายละเอียดวัตถุดิบบางประการที่อาจจะนำเข้าจากต่างชาติ หากประชาชนใช้จ่ายในสินค้าเหล่านี้ก็จะมีเงินบางส่วนไหลออกนอกประเทศ ดังนั้น รัฐบาลควรกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินให้ชัดเจน

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวกับฐานเศรษฐกิจ ว่า เรื่องนี้สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ 2 ประเด็นสำคัญ​ ได้แก่

  • หากประชาชนนำเงินดิจิทัล ไปใช้จ่ายในสินค้าหรือบริการที่มีสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบสูง (Import Content) หรือ ซื้อสินค้านำเข้า 100% การกระจายของเงินแทบจะจบลงทันที เพราะเงินส่วนมากจะออกไปอยู่ในกระเป๋าของชาวต่างชาติ หมุนออกไปนอกประเทศแทน มีเพียงกำไรส่วนน้อยที่อยู่กับคนไทย หมุนเวียนในประเทศ 
  • แต่ถ้าการซื้อสินค้าและบริการเหล่านั้น เป็นการซื้อสินค้าเพื่อเพิ่มความสะดวก สร้างคุณประโยชน์ ทั้งในแง่ของความสามารถในการหารายได้ หรือ ในแง่ของการทำธุรกิจ ก็จะส่งผลดีทางอ้อมให้กับมูลค่าเศรษฐกิจไทย แต่ต้องใช้เวลาในการหมุนเวียนของเงินพอสมควร

ทั้งนี้ ส่วนตัว และนักวิชาการหลายคน มีความคิดเห็นคล้ายกัน ว่า ถ้าวิเคราะห์ตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ไม่ค่อยสนับสนุนการนำเงินดิจิทัลที่แจกในประเทศไปซื้อสินค้าที่มีสัดส่วน Import Content สูง รวมถึงไม่สนับสนุนการนำเงินไปซื้อสินค้านำเข้าอยู่แล้ว แต่เมื่อนำมาปฎิบัติจริง เชื่อว่าสามารถกำหนดประเภทของสินค้าได้ยาก เพราะความต้องการซื้อของคนไทยมีความหลากหลาย รัฐบาลต้องเป็นผู้กำหนดเรื่องนี้ให้ชัดเจน

“ถ้าเขาเอาเงินไปซื้อสมาร์ทโฟน ทีวี อุปกรณ์ไอที เงินไหลออกนอกประเทศแน่ ๆ แต่ประเด็นคือ ซื้อแล้วเอาไปทำอะไร มีผลให้กับประชาชนรายนั้นอย่างไร ซื้อแล้วนำไปต่อยอดงานหรือธุรกิจที่ทำไหม ดังนั้น การต่อยอดจากของที่ซื้อ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา ถ้าจะคุยกันในเรื่องนี้ ส่วนเงินจะไหลออกนอกประเทศมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถคำนวณได้เลย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องการคำนวณผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ไม่ได้มีปัจจัยของสินค้า Import Content เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว การกระจายตัวของเงิน จะขึ้นกับความสามารถในการกระจายตัวของเงิน ประกอบกับช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม การกระจายตัวของเงิน จึงไม่น่าส่งผลต่อเศรษฐกิจมากเท่าที่ควร น่าจะหมุนเวียนในระบบได้ไม่ถึง 1 รอบตามที่วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัล ยังคงได้ไม่คุ้มเสีย หากเทียบกับการลงทุนจากภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ตัวคูณจะเยอะกว่ามาก