เอสซีจี ไตรมาส3ผลประกอบการชะลอตัว งัด3 กลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวน

29 ต.ค. 2566 | 07:28 น.
อัพเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2566 | 07:40 น.

เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2566 ชะลอตัวจากเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้นปรับตัวเดินหน้าต่อด้วย 3 กลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวนรัดเข็มขัด ลดต้นทุนพลังงาน - ทบทวนการลงทุน เน้นธุรกิจเติบโตสูง - เร่งเครื่องนวัตกรรมกรีนสู่ตลาดโลก

ผลพวงเศรษฐกิจปี2566 ไม่ฟื้นตัว  สะท้อนจากผลประกอบการเอสซีจี ไตรมาส 3 ปี 2566 ชะลอตัวจากตลาดภูมิภาคยังไม่ฟื้น วัฏจักรปิโตรเคมีขาลง ส่งออกหดตัว ดอกเบี้ยสูง ส่งผลให้ต้องเร่งปรับตัวโยเร็ว ยกระดับการบริหารธุรกิจ พร้อมรับมือผลกระทบที่อาจรุนแรงขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่จบ

ขณะเดียวกัน ได้วางแผนเดินหน้า 3 กลยุทธ์เข้มข้นขึ้น 

 1) รัดเข็มขัด ลดต้นทุนพลังงาน 

 2) ทบทวนแผนงาน เน้นลงทุนธุรกิจเติบโตสูง 

 3) เร่งเครื่องนวัตกรรมกรีน ขยายธุรกิจพลังงานสะอาดและพลาสติกรักษ์โลก เร่งส่งออกปูนคาร์บอนต่ำ  เชื่อมั่นธุรกิจเติบโตมั่นคงระยะยาว ขณะที่เสถียรภาพการเงินแข็งแกร่ง

 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ผลประกอบการเอสซีจีไตรมาส 3 ปี 2566 ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัว มีรายได้ 125,649 ล้านบาท ลดลง12 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบกับธุรกิจเคมิคอลส์อยู่ในช่วงขาลง และสภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่กำไรสำหรับงวด 2,441 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 3,019 ล้านบาทเพิ่มขึ้น26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีเงินสดคงเหลือแข็งแกร่ง 99,756 ล้านบาท 

 

แผนปรับตัว เอสซีจี

 

 เนื่องจากเอสซีจีได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และดำเนินงานด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง จึงยังรักษาเสถียรภาพการเงินได้มั่นคง สำหรับไตรมาส 4 เศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่จะมีการลงทุนและการบริโภคเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างเมืองหลวงใหม่ “นูซันตารา” ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการค้าในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลอาจปรับตัวลง ทำให้ควบคุมต้นทุนพลังงานได้ดีขึ้น

 นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า  เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง จากต้นทุนพลังงานผันผวน ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูง ตลาดจีนชะลอตัว ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัวดี ผนวกกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อสูง ตลอดจนความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังดำเนินอยู่

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม

เอสซีจีจึงเร่งเดินหน้า 3 กลยุทธ์เข้มข้นขึ้น เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้ต่อเนื่อง ได้แก่

1.    รัดเข็มขัด ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม มุ่งลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดแทนการใช้พลังงานฟอสซิลซึ่งราคาผันผวน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบันมีการใช้ 220 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงชีวมวลในโรงงานปูนซีเมนต์ในไทย มีสัดส่วนการใช้ร้อยละ 40 พร้อมทั้งเร่งหาแหล่งพลังงานสะอาดอื่น ๆ อาทิ ปลูกหญ้าเนเปียร์ พืชให้พลังงานสูง 1,000 ไร่ ที่สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย มุ่งเป้าปลูก 30,000 ไร่ในปี 2571

2.    ทบทวนแผนงาน ชะลอโครงการที่ไม่เร่งด่วน เน้นลงทุนธุรกิจเติบโตสูง อาทิ ร่วมมือกับ Denka ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ลงทุนร่วมกับ Braskem ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ และลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals - LSP) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมทดสอบเครื่องจักร เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงป้อนตลาดโลก

3.    รุกนวัตกรรมกรีน ที่มีความต้องการสูง ตอบเมกะเทรนด์โลก โดยสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice เติบโตโดดเด่น  9 เดือนของปีมียอดขายร้อยละ 54 จากการขายสินค้าทั้งหมด พร้อมเดินเครื่องเต็มที่เพิ่มยอดขายให้ได้ 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดในปี 2573 ขณะที่ SCG Cleanergy ธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจร ให้บริการระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) กับเครือเซ็นทารา พัฒนาเป็น Smart Hotel ควบคู่กับการเร่งส่งออกปูนคาร์บอนต่ำ และผลักดันนวัตกรรมกรีนอื่น ๆ อาทิ พลาสติกรักษ์โลก ธุรกิจรีไซเคิล”

ทีมผู้บริหาร