นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้ดำเนินการร่วมกับสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท.ส่งเสริมให้บุคลากรภาคอุตสาหกรรมมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ และฝึกฝนทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะทำผ่านการจัดอบรมวิชาการหลักสูตรที่ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องรู้ รวมถึงหลักสูตรที่จำเป็นด้านกฎหมายต่างๆ และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างนักลงทุนไทยและนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับบุคลากรภาคอุตสาหกรรม
"กนอ.กับส.ส.ท.จะร่วมมือด้านวิชาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยทางสมาคมฯ ได้นำเสนอหลักสูตรอบรมทางวิชาการให้กับบุคลากรของ กนอ. รวมถึงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และโรงงานต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรม อาทิ เรื่องของการเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050 ซึ่ง กนอ.ในฐานะหน่วยงานหลักในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก"
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และยังเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอีกด้วย โดยจากนี้อาจจะร่วมกันประชาสัมพันธ์หรือจัดหลักสูตรอบรมต่างๆ ทางวิชาการร่วมกันได้ เนื่องจากมีสถาบัน กนอ. แล้ว ดังนั้น เรื่องการจัดอบรมร่วมกันกับ ส.ส.ท.นั้น จึงสามารถดำเนินการได้เลย
ขณะเดียวกันทั้งสองหน่วยงานยังเห็นตรงกันในเรื่องของเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้เป้าหมาย SDGs ทั้ง 17 ข้ออีกด้วย แม้วันนี้ กนอ. จะดำเนินการในเรื่องของ Eco มา 20 กว่าปี แต่วันนี้จะไม่ได้ดำเนินการเพียงแค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะคำนึงชุมชนโดยรอบนิคมฯ
นายสุพจน์ ชินวีระพันธุ์ ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. กล่าวว่า ส.ส.ท. จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากการจัดหลักสูตรฝึกอบรม และให้คำปรึกษากับสถานประกอบการ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
และจัดวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้บุคลากรภาคอุตสาหกรรมได้รับความรู้และทักษะที่ทันสมัย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมไทย