การเดินทางเข้าร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC) ระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายน 2566 นี้ ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ นอกจากการประชุมตามกำหนดการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศแล้ว นายกรัฐมนตรี ยังมีกำหนดการหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่าง ๆ และการนัดหารือร่วมกับเอกชนชั้นนำระดับโลกของสหรัฐอเมริกาหลายราย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเข้ามาหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเตรียมความพร้อมการเดินทางไปเข้าร่วมประชุม APEC โดยเฉพาะการเตรียมตัวเรื่องการหารือทวิภาคีกับประเทศต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
เช่นเดียวกับการเตรียมความพร้อมในการพบปะหารือกับเอกชนยักษ์ใหญ่หลายราย เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ในการดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศไทย
เบื้องต้นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดคิวหารือกับนักธุรกิจของสหรัฐอเมริกา มากกว่า 10 ราย โดยเฉพาะการปิดดีลกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายราย หลังจากที่เคยหารือกันไว้ในช่วงที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่นครนิวยอร์ก เมื่อช่วงวันที่ 18-24 กันยายน ที่ผ่านมา อาทิ Tesla Google Microsoft Citibank JP Morgan Estee lauder ซึ่งขณะนี้มีข่าวดีแล้วว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายตอบรับการหารือกับนายกรัฐมนตรี และคณะ
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพบปะกับนักธุรกิจของสหรัฐอเมริกาอย่างมาก โดยมีแผนการพบปะมากกว่า 10 ราย บางส่วนจะมีการต่อยอดจากการไปหารือเมื่อทริปนิวยอร์ก เมื่อช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา อีกส่วนจะมีเอกชนรายใหม่ด้วย โดยจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัลซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่รัฐบาลตั้งใจไว้ว่าจะดึงดูดการลงทุนมาในประเทศ ไทยมากขึ้น” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าว บอกด้วยว่า นอกจากอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ “แลนด์บริดจ์” มูลค่าการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท นำไปโปรโมทและอธิบายรายละเอียดของโครงการ ให้กับนักลงทุนทั่วโลก เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในอนาคตด้วย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำหนดการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2566 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องของนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติภารกิจใน 6 ด้านหลัก ด้วยกัน ได้แก่
ทั้งนี้ ไทยมีประเด็นสำคัญที่ต้องการผลักดัน ทั้งด้านการค้าการลงทุน ยกระดับ FTAs ความเชื่อมโยง ผ่านการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย ผ่านโครงการ Landbridge และ ความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โดยเฉพาะผ่านการท่องเที่ยว ความยั่งยืน สานต่อเป้าหมายกรุงเทพฯ
โดยยํ้าความมุ่งมั่นของไทยเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนฯ และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งเสริมการค้าดิจิทัล/e-commerce และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้ง ความครอบคลุมและความเท่าเทียม การขจัดความยากจน และลดความเหลื่อมลํ้า
นายชัย กล่าวว่า ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบกับภาคเอกชนรายใหญ่ระดับโลก เป็นโอกาสให้เกิดการค้าการลงทุนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่มีความสำคัญและประเทศไทยมีศักยภาพ เช่น สาขายานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล และการเงินและการธนาคาร เป็นต้น