ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย เกริก เปิดเผยผ่านการปาฐกถา หัวข้อ “นักท่องเที่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มและสังสรรค์ และผลกระทบต่อสังคม ในงานเสวนา “มิติใหม่ เที่ยวไทย กับวัฒนธรรมกินดื่ม” ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวเออีซี10 นิวส์ ว่า ปัจจุบันแนวโน้ม หรือเทรนด์การดูแลสุขภาพในยุคใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองเรื่องการดื่มที่มีปริมาณเหมาะสมและพอดี
โดยเป็นวิธีสิ่งที่ช่วยดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ และในหลายๆสังคม ก็ให้การยอมรับว่าเรื่องการดื่ม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มเพื่อฉลองชัยชนะ ดื่มเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ โดยไม่ได้มองว่าการดื่มเป็นเรื่องที่ทำลายสุขภาพอย่างเดียว
ขณะที่ความเห็นส่วนตัวต่อนโยบายการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงใน 4 จังหวัด กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต ออกไปถึงตี 4 ถือว่ามีความเหมาะสมต่อบริบทของสังคมยุคใหม่ และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบสุขภาพอนามัย สังคม ศาสนาเช่นกัน
รวมถึงรัฐบาล แพทย์ ครูต้องช่วยรณรงค์ให้ความรู้กับวัฒนธรรมการกินดื่มอย่างถูกต้อง เช่น ไม่ควรมีวัฒนธรรมการดื่มว่า ดื่มแล้วต้องหมด ดื่มแล้วต้องเมา ควรเปลี่ยนเป็นดื่มพอประมาณมากกว่า
"เรื่องขยายเวลาเปิดสถานบริการ เป็นความจำเป็นตามสถานการณ์ แต่ก็ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญรับฟังมุมมองของประชาชนที่แตกต่างเพื่อนำมาปรับให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะหากรัฐบาลมีกฎควบคุมการดื่มที่ตรึงเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดการลักลอบการแอบขายซึ่งควบคุมได้ยาก ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลเดินหน้าเรื่องนี้ โดยยึดหลักความเป็นจริงในสังคม และคำนึงประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ"
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “กระแสและแนวโน้มการท่องเที่ยวไทย” ว่า ในปี 65 ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวของประเทศไทย มีรายได้เข้าประเทศรวมกว่าปีละ 1.23 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 641,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว 189 ล้านคน/ครั้ง เฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนที่ 4,100 บาทต่อทริป
และรายได้จากตลาดต่างประเทศ 589,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว 11.15 ล้านคน เฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนที่ 62,580 บาทต่อทริป โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 23.2 ล้านคน นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกได้แก่นักท่องเที่ยวจาก มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย
สำหรับนโยบายของรัฐบาลที่มีข้อเสนอ ให้ขยายเวลาการเปิดธุรกิจสถานบริการจากเที่ยงคืนถึงตี 4 ในบางพื้นที่ รวมถึงนโยบายที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น การเปิดวีซ่าฟรีจากหลายประเทศ มองว่าเป็นนโยบายที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการใช้จ่ายได้เพิ่ม อีกทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ชาวต่างชาติต้องการกลับมาท่องเที่ยวได้อีกครั้ง
นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิง และการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า การขอขยายเวลาปิดสถานบันเทิง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการพยายามมาตลอด เพราะปัจจุบันการแข่งขันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีมาก หลายประเทศอย่างสิงคโปร์ เกาหลีใต้ หรือยุโรป ค่อนข้างผ่อนปรนเปิดได้ถึง 6 โมงเช้า ซึ่งตอบโจทย์ไลฟสไตล์นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดีกว่า ที่นิยมช่วงหัวค่ำออกมารับประทาน จากนั้นหาบาร์นั่งดื่ม และเปิดท้ายด้วยการเข้าสถานบันเทิง
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลขยายโซนนิ่งเมืองพัทยา เพราะครั้งล่าสุดจัดทำมานานแล้วตั้งแต่ปี 2545 แต่ปัจจุบันเมืองพัทยาเติบโตขึ้นมาก หากโซนนิ่งยังเท่าเดิมจะเกิดปัญหาการแอบเปิดสถานบันเทิงนอกโซนนิ่ง ซึ่งจะตรวจสอบดูแลได้ยาก
"ปัจจุบันผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพัทยา พร้อมที่จะขยายเวลาเปิดถึงตี 4 นำเงินเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงทำให้ธุรกิจยามค่ำคืนในพัทยามีเงินสะพัดเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30-40%"