นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “Nation Insight " ทางช่องเนชั่นทีวี 22 ตอนหนึ่งว่า ต้องยอมรับว่าวันนี้มีความมั่นคงทางด้านการเมือง ถือว่ามั่นคง รัฐบาล 300 กว่าเสียง อะไรทำได้เราทำก่อน ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เดี๋ยวเราไปว่ากันอีกทีหนึ่งเรื่องแผนสำรองหรือวิธีการ ถ้าเกิดอะไรยังไง
แต่เหตุผลที่เราต้องใช้พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เพราะรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ให้มีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ถ้าตรวจสอบแล้วถูกต้องก็มีความชอบธรรมทางด้านกฎหมาย จากนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นตัวแทนของ สส.ก็เป็นตัวแทนของประชาชน ถ้าครม.เห็นชอบก็แปลว่าประชาชนเห็นด้วย ก็เข้าสภาดูรายละเอียดปลีกย่อย ถามว่าระยะเวลาเนิ่นนานไปหรือไม่ ก็เนิ่นนาน แต่เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อความสง่างามของนโยบายนี้ก็ต้องยอม ตรงนี้ก็มั่นใจ เพราะถือว่าเป็นนโยบายหลัก
นายกฯ กล่าวว่า 9-10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีของไทยโตเฉลี่ย 1.8% ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา 1.5% หนึ่งในคู่แข่งสำคัญที่สุดอย่างมาเลเซีย เจริญเติบโตต่ำที่สุด 3.3% ไม่ต้องพูดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ที่โต 4-5% ตัวเลขบอกชัดเจน ถ้าสมัยก่อนที่เราอยู่ในโลกของเราเองได้ 20-30 ปีที่แล้ว ถึงแม้จีดีพีไม่ติดลบ แต่เราต้องไปแข่งกับคู่แข่ง
“ถ้ายกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนขึ้นมาได้ ให้กินดีอยู่ดี ให้มีสถานะที่เหมาะสมในสังคม ให้เขามีความภาคภูมิใจ มีเกียรติภูมิในการเป็นคนไทย ผมว่าต่างชาติเขาก็มองนะ คุณยังไม่ดูแลพี่น้องประชาชนของคุณเองให้ดีเลย นับประสาอะไรที่จะมาดูแลนักลงทุนที่มาลงทุนในประเทศเรา” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวถึงสไตล์การทำงาน จากที่เคยอยู่ภาคเอกชน ทุกคนคงมีความคิดเห็นต่างกันไปที่ตนต้องรับฟัง บางเรื่องอาจจะเร็วไป บางเรื่องอาจจะพูดเร็วไป หรือช้าไป กลางคืนก็หวังจะมีเวลาเยอะขึ้น มีเวลาเล่นกับหมา อุ้มแล้วก็ใจเย็นๆ นิดนึง จะได้มานั่งสะท้อนตัวเองว่าทำอะไรไปบ้าง คงคิดแล้วก็จดนิดหน่อย และต้องนั่งอยู่คนเดียวจริงๆ สะท้อนสิ่งที่ทำมาอันนี้ไม่ดี ถ้าเกิดย้อนกลับไปจะต้องทำยังไง หรือทำยังไงให้มันดีขึ้น
“ปรัชญาส่วนตัวเรายอมรับไม่ได้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันดีพอแล้ว” นายเศรษฐา กล่าว