รัฐบาลเคาะเดดไลน์ ม.ค.67 "แก้กฎหมาย 4 ด้าน" ช่วยภาคธุรกิจ

29 พ.ย. 2566 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2566 | 09:45 น.

รัฐบาลประกาศเร่งแก่กฎหมาย หวังช่วยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ระยะแรกเร่งก่อน 4 ด้าน คาดสรุปรายละเอียดจบภายในเดือนมกราคม 2567

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ว่า จากการประชุมที่ผ่านมา คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยกำหนดประเด็นสำคัญ 4 ด้านในการปรับปรุงกฎหมายระยะแรก ซึ่งเป็นประเด็นที่ตอบโจทย์ตามนโยบายรัฐบาล การสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับนานาชาติ

ทั้งนี้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะในการดูแลรับผิดชอบในแต่ละประเด็น ดังนี้

1. ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ 

มีศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ เป็นประธานอนุกรรมการ รับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตทำงาน การรายงานตัวรวมทั้งการยกเว้นใช้แบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6) ให้ครอบคลุมถึงพาหนะทางบกและทางเรือ การดำเนินการที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือการเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรและการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ

 

 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

 

2. ด้านการพัฒนาระบบการอนุญาตหลัก (Super License) 

มีนางสาวเพียงพนอ บุญกล่ำ เป็นประธานอนุกรรมการเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขอรับอนุญาตในประเภทธุรกิจที่มีความสนใจในการลงทุนประกอบธุรกิจแต่มีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ให้สามารถใช้ใบอนุญาตหลักเพียงใบเดียวประกอบธุรกิจได้ โดยจะเร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 

  • การประกอบกิจการร้านอาหาร
  • การประกอบธุรกิจที่พักขนาดเล็ก ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วย 
  • การขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย

3. ด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 

มีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นประธานอนุกรรมการ รับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวข้อง 2 เรื่องคือ

  • การนำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อลดข้อจำกัดและระยะเวลาของผู้ประกอบการ เช่น การลดการเปิดตรวจสินค้าถ่ายลำ (Transhipment) ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงกฎหมายศุลกากรและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประเภทของสินค้านั้น 
  • การขออนุญาตนำสินค้าเข้า-ออกเพื่อการแสดงสินค้าและนิทรรศการ (MICE) โดยจะช่วยดึงดูดให้มีการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านประเทศไทยจำนวนมากขึ้น

4. ด้านการผลักดันพลังงานสะอาด (Clean Energy) 

มีนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา เป็นประธานอนุกรรมการ รับผิดชอบการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน โดยจะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนพลังงานชาติ และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก

 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ในการปรับปรุงกฎหมายแต่ละด้านนั้นจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความคุ้นชินกับกฎหมาย สำหรับการรับฟังความคิดเห็นนั้นก็เพื่อให้เกิดความรอบคอบและสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในการปรับปรุงกฎหมาย 

อีกทั้งยังมีกำหนดการที่จะหารือกับหอการค้าสหภาพยุโรปในประเทศไทย และหอการค้าอเมริกันในประเทศภายในเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะรับได้ข้อมูลต่าง ๆ เมื่อได้รับข้อมูลแล้วก็จะนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานของคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ 

อย่างไรก็ตามคาดว่า ภายในปลายเดือนมกราคม 2567 จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วน รอบด้าน และสามารถที่จะกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการเพื่อให้มีความชัดเจนต่อไป