หลังจากที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นในช่วงประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดระนอง ในวันที่ 22 -23 มกราคม 2567ด้วยนั้น
ในส่วนของประชาชนชาวระนองมีทั้งที่คัดค้านและสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่อ่าวอ่าง ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งทำประมงพื้นบ้าน หากก่อสร้างท่าเรือแล้วจะไม่มีที่ทำมาหากิน
นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ในแนวเส้นทางโครงการก็จะได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของที่อยู่อาศัย จึงอยากให้รัฐบาลเยียวยาและจัดหาที่อยู่ให้ใหม่ ขณะที่บางคนเห็นด้วยกับโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะบ้านเมืองจะได้เจริญ ลูกหลานจะได้มีงานทำ
ด้านนายพรศักดิ์ แก้วถาวร ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง ระบุว่า ทุกโครงการย่อมมีผลกระทบ จะเห็นได้ว่าประเทศไทย ไม่ว่าโครงการเกิดขึ้นที่ไหน โครงการอะไรก็แล้วแต่ย่อมมีคนเห็นด้วยและคนคัดค้าน ซึ่งการคัดค้านไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติ แต่เราต้องคัดค้านด้วยเหตุด้วยผลถึงผลได้ผลเสีย ทุกคนอยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าเชื่อว่าโครงการแลนด์บริดจ์มีประโยชน์ต่อจังหวัดระนอง
ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นกลุ่มประมงพื้นบ้าน ฉะนั้น เมื่อโครงการแล้วเสร็จต้องตั้งกองทุนเพื่อชดเชยรายได้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ไม่น้อยกว่าเดิม
นอกจากนั้น ต้องเทรนคนเหล่านี้เพื่อรองรับงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกว่า 2 แสนตำแหน่งให้ลูกหลานเขาได้ทำงานและเพิ่มพื้นที่ในการจับปลาให้เขาด้วย ฉะนั้นโดยรวมแล้วตนมองว่าโครงการแลนด์บริดจ์มีประโยชน์ต่อจังหวัดระนอง
แต่สิ่งที่ประชาชนเขาเป็นห่วงซึ่งภาครัฐ คือรัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าจะดูแลเขาอย่างไร การคัดค้านไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่ดี เป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องตอบด้วยเหตุด้วยผลว่าควรจะแก้ไขให้เขาได้อย่างไรได้บ้าง