นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ เห็นชอบให้เพิ่มช่องทางการโอนเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เฉพาะผู้ที่มีสิทธิแต่ยังไม่ได้รับเงิน โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิที่ตรงตามเงื่อนไข ดังนี้
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะโอนเงินผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
1.บัญชีร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น ตามหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่นสำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (เฉพาะกรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/และหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปที่ไม่สามารถเปิดบัญชีหรือผูกพร้อมเพย์ได้)
หรือหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่นสำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (เฉพาะกรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/และหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปที่ไม่สามารถเปิดบัญชีหรือผูกพร้อมเพย์ได้)
2.บัญชีเงินฝากธนาคารที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (เป็นช่องทางเพิ่มเติม เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น)
3.บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิ (ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567)
“ผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน (e-KYC) สามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา สำหรับผู้มีสิทธิที่ไม่สามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนได้“
อย่างไรก็ตาม (ผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/ และหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถเปิดบัญชีหรือผูกพร้อมเพย์ได้) สามารถแจ้งความประสงค์ให้โอนเงินเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น หรือเข้าบัญชีบุคคลอื่น โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น หรือเข้าบัญชีบุคคลอื่น ได้ทางเว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th/)
หรือขอรับและยื่นแบบฟอร์มได้ที่กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ภายในวันที่ 25 มกราคม 2567 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ