"เศรษฐา" เช็คอิน "แลนด์บริดจ์" ประกาศดันลงทุนครั้งใหญ่ รับฟังคนเห็นต่าง

วันนี้ (22 มกราคม 2567) ที่จังหวัดระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อตรวจติดตามโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) ชุมพร-ระนอง พร้อมรับหนังสือจากตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ที่ได้มายื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของคนในพื้นที่ และขอให้รัฐบาลชะลอโครงการ

ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวกับตัวแทนชาวบ้านที่ยื่นหนังสือว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแลนด์บริดจ์ก็ช่วยสร้างโอกาสให้กับคนในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน แต่หน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกคน โดยขอให้ไม่ต้องห่วง เพราะรัฐบาลมีความจริงใจอยู่แล้ว

ส่วนการเดินทางลงพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์ครั้งแรกนั้น นายกฯ ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาลงพื้นที่จริงของโครงการแลนด์บริดจ์ และรับฟังการนำเสนอข้อมูลภาพรวมจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ซึ่งอธิบายชัดเจนว่าประชาชนสามารถประกอบอาชีพประมงได้ ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่เห็นต่างทั้งในและนอกพื้นที่นั้น รัฐบาลก็พร้อมรับฟังข้อเป็นห่วงทั้งหมดว่ามีผลกระทบเป็นอย่างไร

"ตอนนี้โครงการเพิ่งเริ่ม ขออย่าเพิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ขอให้รอฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน เพราะหากจำได้ 20 ปีที่ผ่านมาเราก็มีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ระดับชาติ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนั้นมีการถกเถียงกันนานมากว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่สองรองจากดอนเมือง และรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเองก็เดินหน้าลุยเต็มตัวจนทำเป็นสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ และสมัยนั้นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เป็นรัฐมนตรีคมนาคมด้วย"

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ดังนั้นขอให้ดูว่าประโยชน์ที่ได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาจนถึงวันนี้มีประโยชน์มหาศาล ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญ และถ้าไม่มีโครงการเหล่านี้ขึ้นมาเราจะไม่มาถึงจุดนี้ พร้อมระบุว่า เป็นธรรมดาที่นาน ๆ จะมีเมกะโปรเจกต์ที ดังนั้นรัฐบาลพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์นั้น ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการทำการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน เพื่อร่นระยะทางการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกา โดยขณะนี้เริ่มมีความหนาแน่น และเริ่มมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ดังนั้นในเรื่องการขนถ่ายสินค้าจากมุมหนึ่งของโลกไปอีกด้าน

โดยโครงการแลนด์บริดจ์ ถือว่าเป็นโครงการสำคัญ ที่จะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ ทั้งการขนถ่ายสินค้า การเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิต ส่งออกยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

"การที่เราจะสนับสนุนตรงนี้เราต้องทำควบคู่กับความเจริญทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่า จะต้องมีการศึกษาควบคู่ไปกับการดำเนินการ และฟังความคิดเห็นของประชาชน พร้อมปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยมาศึกษา ส่วนจะช้าจะเร็วก็อยู่ที่เสียงเรียกร้องด้วยว่าต้องทำมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่า ต้องทำให้เป็นที่เข้าใจกับทุกฝ่าย และเป็นโอกาสมากกว่า เพราะไม่ใช่แค่การขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เรือสำราญก็สามารถเข้ามาเทียบจอดตนจึงเชื่อว่านี่ถือเป็นโอกาสสำคัญไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลายด้วย ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค"