ศาลฮ่องกงสั่งให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ตัวแทนของวิกฤตอสังหาฯ ของจีน ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11.5 ล้านล้านบาท โดยราคาหุ้นของไชน่าเอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ปรับตัวลดลง 20% หลังจากศาลฮ่องกงพิพากษา
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มเจ้าหนี้ในต่างประเทศของไช่า เอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้เป็นครั้งที่ 11 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน คิดเป็น 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งแรงกระแทกไปยังจีน รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่เปราะบางอยู่แล้ว กระบวนการดังกล่าวอาจมีความซับซ้อน โดยอาจมีการพิจารณาทางการเมือง เนื่องจากมีหน่วยงานหลายแห่งที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นที่น่าจับตามองก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากที่ China Evergrande สั่งให้เลิกกิจการ ? สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อมีการออกคำสั่งชำระบัญชี จะแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีชั่วคราวและผู้ชำระบัญชีอย่างเป็นทางการ อาจเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หรือพนักงานจากบริษัทคู่ค้า เพื่อควบคุมและเตรียมการขายทรัพย์สินของผู้พัฒนาโครงการเพื่อชำระหนี้ โดยหลังการประชุมกับผู้ให้กู้แล้ว จะมีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีอย่างเป็นทางการ
ผู้ชำระบัญชีสามารถเสนอแผนการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ให้กับเจ้าหนี้ในต่างประเทศที่ถือหนี้ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไชน่า เอเวอร์แกรนด์ หากพิจารณาว่าบริษัทมีสินทรัพย์เพียงพอหรือนักลงทุนสนใจ ยังคงจะสอบสวนกิจการของบริษัทต่อไป และอาจส่งเรื่องไปยังอัยการฮ่องกง บริษัทสามารถอุทธรณ์คำสั่งเลิกกิจการได้ แต่กระบวนการชำระบัญชีจะดำเนินการต่อไป เพื่อรอการพิจารณาอุทธรณ์
ขณะที่ หุ้น เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป และบริษัทในเครือถูกระงับจากการซื้อขายหลังคำสั่งเลิกกิจการ กฎการจดทะเบียนกำหนดให้บริษัทต้องแสดงให้เห็นโครงสร้างธุรกิจที่มีการดำเนินธุรกิจและมูลค่าทรัพย์สินที่เพียงพอ
ประเด็นต่อมาคือ เจ้าหนี้สามารถกู้หนี้ได้มากเพียงใด เอเวอร์แกรนด์ อ้างถึงการวิเคราะห์ของ Deloitte ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฮ่องกงในเดือนกรกฎาคมที่ประเมินการฟื้นตัวที่ 3.4% หากถูกเลิกกิจการ แต่หลังคำกล่าวนี้ในเดือนกันยายน “ฮุย กา ยัน” (Hui Ka Yan) ประธานบริษัท China Evergrande Group ถูกสอบสวนโดยทางการในข้อหาก่ออาชญากรรมที่ไม่ระบุรายละเอียด ขณะนี้เจ้าหนี้คาดว่าการฟื้นตัวจะน้อยกว่า 3%
พันธบัตรดอลลาร์ของ Evergrande ถูกเสนอราคาที่ประมาณ 1 เซนต์ต่อดอลลาร์ในวันศุกร์ (26 ม.ค.2567) ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของถูกขายหรือถูกเจ้าหน้าที่ยึด ทำให้บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง อย่าง Evergrande Property Services Group และ กลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ มูลค่าตลาดรวมลดลง 973 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ม.ค.67 โดยผู้ชำระบัญชีสามารถขายการถือครองทั้งสองหน่วยนี้ได้ แม้ว่าการหาผู้ซื้ออาจทำได้ยากก็ตาม
หลังจากการชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีสามารถควบคุมบริษัทในเครือทั่วประเทศจีนได้โดยการเปลี่ยนตัวแทนทางกฎหมาย กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี
รายงานระบุว่า นี่ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้ชำระบัญชีในการเปลี่ยนตัวแทน เนื่องจาก กวางโจว ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เอเวอร์แกรนด์ ไม่ใช่ 1 ใน 3 เมืองของจีนที่ยอมรับคำสั่งการชำระบัญชีร่วมกันกับฮ่องกง แม้ว่าผู้ชำระบัญชีจะต้องเข้าครอบครองยูนิตที่มีโครงการในประเทศ แต่หลายยูนิตก็ถูกเจ้าหนี้เข้าครอบครองไปแล้ว ถูกศาลแช่แข็ง มีมูลค่าเหลือเพียงเล็กน้อย หรืออยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ เพราะราคาทรัพย์สินที่ตกต่ำ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะเป็นอย่างไร?
คาดว่าจะส่งผลกระทบผ่านตลาดทุน เมื่อพิจารณาถึงขนาดที่แท้จริงของโครงการและหนี้สิน กระบวนการนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ และการพิจารณาทางการเมืองมากมาย การดำเนินการโครงการก่อสร้างบ้านที่กำลังดำเนินอยู่ให้เสร็จสิ้น จะถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดสำหรับบริษัท ภาคส่วนธุรกิจ และ ภาครัฐ
ย้อนวิกฤตเอเวอร์แกรนด์
ที่มาข้อมูล