ศูนย์วิจัยกสิกรชี้ 4 เทรนด์ท้าทายเศรษฐกิจไทย ไม่ปรับตัว เสี่ยงโตชะลอ

05 ก.พ. 2567 | 12:27 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.พ. 2567 | 12:40 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจและธุรกิจไทยยังจะต้องเผชิญกับ 4 เทรนด์ที่จะเพิ่มความท้าทายมากขึ้น ตั้งแต่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ถ้าปรับตัวไม่ทันในการรับมือ ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะโตในอัตราชะลอตัว

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจและธุรกิจไทย อยู่ในจังหวะฟื้นตัวต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิดคลี่คลาย แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน และภูมิรัฐศาสตร์โลก อย่างการสู้รบในทะเลแดง รวมถึงต้นทุนสะสมของธุรกิจที่ยังสูง ทำให้เส้นทางการขยายตัวยังมีความไม่แน่นอน กระทบธุรกิจส่งออกให้คงจะขยายตัวต่ำ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คาดว่าจะยังไม่กลับไปเท่ากับก่อนโควิด

ในระยะถัดๆ ไป เศรษฐกิจและธุรกิจไทยยังเผชิญกับ 4 เทรนด์ ที่จะเพิ่มความท้าทายมากขึ้น ซึ่งได้แก่

  1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก
  2. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) 
  4. และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เทรนด์ต่างๆ เหล่านี้ จะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากแต่จะยิ่งทำให้การดำเนินธุรกิจ มีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว (Dynamic) โดยแต่ละเทรนด์จะส่งผลต่อธุรกิจ ทั้งในด้านโอกาสและผลกระทบ ดังนี้

1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก

สิ่งที่จะเกิดขึ้น :

  • โลกแบ่งเป็น 2 ขั้ว
  • ความตึงเครียดในพื้นที่ต่างๆ นำมาสู่สงครามการค้า และสถานการณ์จะยืดเยื้อ

โอกาส :

  • การกระจายฐานการผลิตสู่ภูมิภาคอาเซียน เป็นผลบวกต่อธุรกิจที่อยู่ในซัพพลายเชนโลก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

ผลกระทบ :

  • ต้นทุนธุรกิจเพิ่ม อาทิ ค่าขนส่ง พลังงาน และวัตถุดิบ จากอุปสรรคการขนส่ง และนโยบายเพื่อความมั่นคงของแต่ละประเทศ
  • การแข่งขันที่สูงขึ้น จากการระบายสินค้าของคู่แข่งไปยังตลาดเดียวกันกับสินค้าไทย เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า

ศูนย์วิจัยกสิกรชี้ 4 เทรนด์ท้าทายเศรษฐกิจไทย ไม่ปรับตัว เสี่ยงโตชะลอ

 

2. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สิ่งที่จะเกิดขึ้น :

  • อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเร็ว เสี่ยงจะเกิดภัยพิบัติถี่และรุนแรง
  • ทั่วโลกออกกติกาด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ

โอกาส :

  • การเพิ่มเงินลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า ตลาดใบรับรองไฟฟ้าสีเขียว ตลาดคาร์บอนเครดิต ฯลฯ

ผลกระทบ :

  • ความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม/แล้ง การขาดแคลนน้ำ กระทบปริมาณและผลผลิตสินค้าเกษตรต้นน้ำ ด้าน PM2.5 กระทบสุขภาพ
  • ต้นทุนธุรกิจเพิ่ม จากภาษี/ค่าธรรมเนียมคาร์บอน รวมถึงเกณฑ์การเงินยั่งยืน

3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI

สิ่งที่จะเกิดขึ้น :

  • การพัฒนาเทคโนโลยี AI มีความก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง

โอกาส :

  • การลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • เป็นโอกาสต่อธุรกิจ เช่น บริการทางการเงิน บริการสุขภาพ ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ โซลูชั่น

ผลกระทบ :

  • ธุรกิจที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี เสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และส่งผลตามมาต่อตลาดแรงงาน

4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร

สิ่งที่จะเกิดขึ้น :

  • จำนวนประชากรไทยลดลง 4 ปีติดต่อกัน และไทยจะเป็นสังคมสูงวัยขั้นสุดยอดในปี 2572

โอกาส :

  • สินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก เช่น อาหาร ยา การรักษาพยาบาล

อุปสรรค :

  • ธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น เผชิญการขาดแคลนแรงงานและต้นทุนสูงขึ้น
  • ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตลาดในประเทศ เผชิญการเติบโตของรายได้ที่ชะลอลง เช่น ค้าปลีก ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ แต่ละเทรนด์สร้างโอกาสและผลกระทบต่อประเภทธุรกิจที่แตกต่างกัน และอาจเป็นคนละช่วงเวลา ทำให้สุทธิแล้ว อาจเร็วไปที่จะสรุปว่าเศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะได้หรือเสียอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ถ้าปรับตัวไม่ทันในการรับมือกับ 4 เทรนด์ท้าทายนี้ ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอีกในช่วงข้างหน้า