วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา หารือร่วมเต็มคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
ด้านความมั่นคงพลังงาน
ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่าสถานการณ์โลกปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของทั้งไทยและกัมพูชา พร้อมตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน มีการตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างทั้งสองประเทศ (Overlapping Claims Area: OCA)
ด้านความสัมพันธ์
นายกรัฐมนตรีขอบคุณสำหรับการสนับสนุนการเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นี้ และพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่กัมพูชาในการเปิดสถานกงสุลใหญ่กัมพูชา ณ จังหวัดสงขลา เช่นเดียวกัน ด้านนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการเปิดสถานกงสุลจะเปิดโอกาสให้ไทยและกัมพูชาได้ส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีร่วมกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ด้านการค้าขายและการลงทุน
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนทวิภาคีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชน และการค้าตามแนวชายแดนให้มากขึ้น ลดการอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มนำไปสู่ปริมาณการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาให้มากขึ้น
นอกจากนี้ กัมพูชายังขอให้ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มเติมถึงแนวทางการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษในชายแดนไทยและกัมพูชา บริเวณจังหวัดสระแก้วและปอยเปตของกัมพูชา
ด้านการพัฒนาชายแดนและการท่องเที่ยว
ไทยและกัมพูชาต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนชายแดนทั้งสองฝั่ง ทั้งการประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การยกระดับจุดผ่านแดนระหว่างกัน รวมทั้งปรับปรุงข้อตกลงว่าด้วยการข้ามพรมแดน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน
โดยไทยได้เสนอให้หารือเพิ่มเติม เพื่อประสานความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศในภูมิภาค ให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวในไทย และท่องเที่ยวต่อไปยังกัมพูชา และประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ได้ในคราวเดียว ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาพร้อมให้หารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคร่วมกัน
ด้านความร่วมมือประเด็นหมอกควันข้ามแดน (PM 2.5)
ผู้นำไทยและกัมพูชาต่างเน้นย้ำถึงการแก้ปัญหาหมอกควัน เพื่ออากาศที่ดีของประชาชนไทยและกัมพูชา โดยพร้อมแบ่งปันข้อมูลและแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ สนับสนุนการจัดการปัญหาการเผาไหม้ทางการเกษตร พร้อมเสนอให้มีการขยายความร่วมมือต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกันระดับภูมิภาค
ด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไขปัญหาเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์ โดยเพิ่มการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ทั้งการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด สินค้าเถื่อน และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ โดยผู้นำไทยและกัมพูชายืนยันที่จะการดำเนินการร่วมกันในการกวาดล้างผู้กระทำผิด พร้อมแสวงหาความร่วมมือที่ใกล้ชิดเพิ่มเติมระหว่างตำรวจไทยและกัมพูชาในการจับกุมผู้กระทำความผิด
ด้านแรงงาน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยทีให้ความสำคัญกับแรงงานกัมพูชา ในฐานะส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พร้อมขอให้ไทยอำนวยความสะดวกแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งตรงกับปีใหม่ของกัมพูชาด้วย ด้านนายกรัฐมนตรีพร้อมนำไปพิจารณา และเน้นย้ำถึงการดูแลสวัสดิภาพของแรงงานในไทย และยินดีส่งเสริมให้แรงงานกัมพูชาเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการทางสังคมของไทยด้วย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ไทยและกัมพูชา เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ ดังนี้
1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉินระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทยคือ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. General Kun Kim รัฐมนตรีอาวุโส และรองประธานคณะกรรมการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา
2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมกัมพูชา (ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทยคือ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. Hem Vanndy รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมกัมพูชา
3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. Dr. Kun Nhem รัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา
4. บันทึกความเข้าใจระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM Bank และฝ่ายกัมพูชา คือ Neak Okhnha Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชา
5. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย และฝ่ายกัมพูชา คือ Neak Okhnha Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชา
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ร่วมกันแถลงข่าว โดยมีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน มีการตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรไฮโดรคาร์บอนในพื้นที่เรียกร้องที่ทับซ้อนกันระหว่างทั้งสองประเทศ
โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นในการเก็บทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่นำร่อง เพื่อเป้าหมายในการทำให้พื้นที่ชายแดนปลอดภัย พร้อมทั้งดำเนินการยกระดับการเปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคั่งค้าง รวมทั้งยินดีที่ได้ลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นการวางกรอบความร่วมมือเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในบริเวณชายแดน