สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยรายงาน Global Debt Monitor ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 การศึกษาเผยว่า ระดับหนี้ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 313 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี
สัดส่วนหนี้ต่อ GDP โลก ปี 2566 แม้จะลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่ชะลอลงในปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการลดลงของสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ในประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่ง เช่น มอลตา นอร์เวย์
อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) พบว่ายังสูง บ่งชี้ถึงความสามารถของประเทศในการชำระหนี้ โดยอินเดีย อาร์เจนตินา จีน รัสเซีย มาเลเซีย และแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นมากที่สุด ส่งสัญญาณถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ส่วน "หนี้ไทย" ต่อ GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 อยู่ที่ 264.8% ต่อ GDP (ดอลลาร์สหรัฐ)
รายงานระบุว่า ความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อาจเพิ่มความผันผวนของตลาด และกระตุ้นการจัดหาเงินทุนที่เข้มงวดสำหรับประเทศที่พึ่งพาการกู้ยืมจากภายนอกค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจโลกกำลังพิสูจน์ความยืดหยุ่นต่อความผันผวนของต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งนำไปสู่การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนความต้องการกู้ยืมมีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ในปี 2567 เนื่องจากปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
IIF ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างตลาดอย่างรวดเร็ว โดยการกระจายตัวลึกยิ่งขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวินัยทางการคลังทั่วโลก
ที่มาข้อมูล
Global Debt Monitor Politics, Policy, and Debt Markets – What to Watch in 2024