“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

28 ก.พ. 2567 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2567 | 06:07 น.

นายกฯ “เศรษฐา” ประกาศเร่งเดินหน้า พลิกโฉมประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำทุกมิติ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน ดันไทยศูนย์กลาง 8 เรื่องสำคัญดันเศรษฐกิจ ชู Soft Power เที่ยวเมืองรอง ยกระดับรายได้เกษตรกรเป็นหลัก

ฐานเศรษฐกิจ” ได้จัดงานดินเนอร์ ทอล์ก ครบรอบ 44 ปี โดยได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บรรยายพิเศษ Special Keynote : “THAILAND NEW ERA: ก้าวใหม่ประเทศไทย” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนมาก

นายเศรษฐา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบริหารประเทศติดขัด มีความขัดแย้งมากมาย ก้าวใหม่ประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าท่านเชื่อมั่นในผมหรือเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้หรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับให้ความเชื่อมั่นประเทศไทย และศักยภาพของประเทศที่มีอยู่ 

โดยรัฐบาลตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างที่พร้อมต่อยอด ที่สำคัญ คือ ศักยภาพของคนไทย ผ่านข้อเสนอ 8 ข้อ ได้แก่ 

  1. การตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) 
  2. การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) 
  3. การเป็นศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) 
  4. ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) 
  5. ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub)
  6. ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) 
  7. ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) 
  8. ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub)

ทั้งนี้ เพื่อเสริมเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง นำเงินมาสู่ประเทศไทย ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุก ๆ คน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญทางด้านจิตใจ ซึ่งก้าวใหม่ของประเทศไทยจะอยู่บนความกังวล อยู่บนความขัดแย้ง หรือว่าจะให้ความขัดแย้งมาบดบังแสงสว่างของประเทศไทยมากำหนดศักยภาพให้อยู่ตํ่าต่อไปหรือเปล่า ตนเองเชื่อว่าเราอยู่ในมิติใหม่ อยู่ในบริบทใหม่ วันนี้ต้องมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงสิทธิต่างๆ ที่ทุกคนพึงจะได้แต่ไม่ได้ ทำให้ไม่สบายใจ

แก้ปัญหาความเหลื่อมลํ้า

ขณะที่สิทธิต่าง ๆ ที่ทุกคนพึงจะมีไม่ว่าเราจะมีเงินในกระเป๋าหรือไม่ แต่สิทธิต่างๆที่ควรจะมี ควรจะได้แล้ว เราไม่ได้สบายกายแต่ไม่สบายใจ

ดังนั้นก้าวใหม่ประเทศไทย รัฐบาลมีการเสนอพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เข้าสู่รัฐสภา หลายท่านอาจไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรามีประชาชนที่มีความต้องการเลือกเพศสภาพได้ อยากมีสิทธิที่กฎหมายกำหนด ให้เขาอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยความเท่าเทียมภายใต้กรอบของกฎหมายที่เสมอภาคกันทุกคน รัฐบาลให้ความสำคัญและจะเดินหน้าต่อไป ไม่หยุดในเรื่องในเรื่องของการให้เพศสภาพ

สิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพก็สำคัญ หมดเวลาที่จะมาด้อยค่าอาชีพต่างๆ หรือพูดว่าอาชีพไหนดีไม่ดี เราต้องมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

การสมัครใจเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ เป็นเรื่องแรกๆของรัฐบาลจะให้สิทธิในการจะเป็นทหารหรือไม่ ถ้าเราไม่มีสิทธิ์นี้ ลูกหลานเราที่ไม่อยากเป็นทหารแต่เขาอยากเป็นวิศวกร อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แล้วเขาถูกเกณฑ์ทหาร หลายคนขยับขยายไปทำงานต่างประเทศเพราะไม่อยากเป็นทหาร

สถาบันทหารมีเกียรติ ควรได้รับการสนับสนุนให้คนสมัครใจเข้าไปเป็นทหาร ประเด็นนี้มีการถกเถียงเยอะเหลือเกิน ตัวเองได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าว่าเราต้องลดทหารลงเพื่อความจำเป็น ทหารไม่ใช่แค่คนถือปืนอย่างเดียว สามารถเป็นแพทย์ พยาบาล นักกายภาพได้ โรงพยาบาลพระมงกุฏ โรงพยาบาลทหารตามหัวเมืองต่างๆ ต้องดูแลประชาชนกว่า 80 % อีก 20 % เป็นแค่บุคลากรทหาร แต่สถาบันทหารดูแลทุกข์สุขประชาชน

โรงพยาบาลทหารที่ตนเคยไปที่อุดรธานี มี 200 เตียง มีแพทย์ 20 คน นักกายภาพ 2-3 คน แล้วเราจะทำยังไง จะต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรอ ถ้าให้เขาสมัครใจเกณฑ์ทหาร มาเรียนแพทย์ที่นี่ สามารถเพิ่มบุคลากรทางแพทย์จะดีกว่าไหม อาจจะมีข้อตกลงว่าถ้ามาเรียนที่โรงพยาบาลพระมงกุฏแล้ว มาเรียนที่วิทยาลัยพยาบาล ต้องไปอยู่ที่ค่ายทหารหรือเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลทหาร 5 ปี แล้วออกไปเป็นแพทย์โรงพยาบาลเอกชนได้ 

ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญและคิดว่าต้องให้สิทธิ์พี่น้องประชาชน และสิทธิ์ของสถาบันทหาร ที่จะเพิ่มจำนวนบ้าง ในแขนงที่มีความจำเป็น

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

 

ดันพ.ร.บ.อากาศสะอาด

สิทธิอีกสิทธิคือ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่รัฐบาลนี้ก็ผลักดัน ไม่มีเวลาไหนที่จะพูดได้ดีเท่าช่วงนี้ที่ PM2.5 ไฮซีซั่นพอดี ซึ่งที่เชียงใหม่ลดลง 4 เท่า เพราะการประสานจากทุกฝ่ายและประชาชน ซึ่งพ.ร.บ.สะอาดเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การปลูกจิตสำนึกเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาที่ประเทศไทยที่เดียว การเผา ตอข้าว ซังข้าวโพด ก็มีในประเทศพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ มีการพูดคุยกับคณะทำงานที่ต้องไปพูดคุยกับสปป.ลาว ที่ออสเตรเลียในวันที่ 4-6 มีนาคม 2567 หนึ่งในข้อเสนอคือให้ไทยซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสปป.ลาวมากยิ่งขึ้น นี่คือคำร้องขอจากสปป.ลาว ซึ่งก็ไม่มีอะไรติดขัด เพราะไทยต้องการอาหารสัตว์และข้าวโพดเพิ่ม แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวแล้ว ซังข้าวโพดเขาเผาหรือไถกลบ หรือทำปุ๋ยอินทรีย์

“ถ้าเขาเผา รัฐบาลนี้ยืนยันจะไม่ซื้อสินค้า จากประเทศที่เขาเผาซากผลิตผลจากเกษตรแล้วเอาผลิตผลนั้นมาขายเรา อันนี้ต้องเจรจาพูดคุยกันอย่างจริงจัง ไม่งั้นปัญหานี้ก็ไม่หายไป เรื่องนี้ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียว อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญ”

เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สำหรับการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจนั้น ภาคการท่องเที่ยว สมัยก่อนนักท่องเที่ยวมาก็แค่เมืองหลัก ต่อไปนี้ต้องไปเมืองรองด้วย ของดีของเด่น Soft Power โดยเฉพาะมวยไทย เป็นซอฟท์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่มาก สามารถไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืนได้ ในต่างประเทศ หรือในประเทศมีชาวต่างประเทศจำนวนมากอยากมาเทรนด์มวยไทยที่ภูเก็ต ของที่ระลึกต่าง ๆ ก็ขายได้ ซึ่งสัปดาห์นี้จะไปเยือนฝรั่งเศส พบประธานาธิบดี ไปเจรจาทวิภาคีการค้า และเจอนักธุรกิจเยอะมากที่นั่น

ขณะที่ท่องเที่ยวให้เป็นภูมิภาค CLMV ซึ่งประเทศไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้คนต่างชาติหลายประเทศ และเริ่มเห็นผลแล้วว่าเราได้รับ Reciprocal เช่น นักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวรัสเซีย ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องเริ่มเดินหน้าติดต่อกับทางยุโรปทำให้เราสามารถไปเชงเก้นได้ แม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้

“วันที่ 1 มีนาคม นักธุรกิจที่ลำบากในการไปทำวีซ่าไปจีน ไม่ต้องไปทำแล้ว และจะมีนโยบายเหล่านี้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อฉายศักยภาพประเทศไทยในทุกมิติให้เกิดขึ้นได้ นี่แค่เรื่องเดียวครับที่สนับสนุนการท่องเที่ยว อีกหลายประเทศจะตามมาครับ”

อีกทั้ง ต้องเร่งพัฒนาให้ไทยเป็นฮับการบินในภูมิภาค สามารถเดินทางเข้าออกแบบเชนเก้งได้ เข้าออกสะดวกสบาย เราจะไม่ได้มีแค่ 70 ล้านคน แต่เราจะมี 200 กว่าล้านคน เป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าคิด และเราได้ลงมือทำไปแล้ว

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

 

ยกระดับรายได้เกษตรกร

นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศ มีร้านอาหารอร่อยมากมายตั้งแต่ Street ยัน Michelin เกษตรกรไทย ต้อง “ในนํ้ามีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋ามีเงิน” เป็นความภาคภูมิใจของเกษตรกร การลงทุนเรื่องนํ้า เครื่องจักร เมล็ดพันธุ์ จะเพิ่ม Supply ให้มหาศาล ซึ่งการเกษตร เป็นเรื่องสำคัญเพราะเกษตรกรมีหลาย 10 ล้านคน 

รัฐบาลนี้ชัดเจนว่าจะยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปีนี้ ทำได้หลายๆวิธี ทั้งเกษตรแม่นยำ วัดค่าดินให้ดีเพื่อให้ปุ๋ยให้ตรง พัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ดีเพื่อให้ผลตอบแทนต่อไร่สูงขึ้น
ข้าวไทยน่าเสียดายเราเป็นรองเพื่อนบ้าน ผลิตผลต่อไร่เราตํ่ากว่าและเป็นรองประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้ข้าวตันละประมาณ 1.1-1.2 หมื่นบาท/ตัน พี่น้องเราได้ 6 พันบาทต่อไร่ ถ้าเราทำผลผลิตต่อไร่ได้มากขึ้น มีเมล็ดพันธุ์ที่ดีขึ้น เชื่อว่ารายได้เข้ากระเป๋าจะดีขึ้น”

รวมทั้งองค์ความรู้ เรื่องการนำปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ การเปิดตลาดใหม่ๆ ในอดีตเราบอกว่าตะวันออกกลางทานแต่ข้าวเมล็ดยาวๆสำหรับชนชั้นสูง แต่แน่นอนว่าชนชั้นกลางเขาก็อยากทานข้าวไทย ดังนั้นต้องเราต้องไปเปิดตลาดที่ซาอุดิอะราเบีย ที่ดูไบ

จากการไปเจรจาทวิภาคีหลายประเทศ อินโดนีเซียเองก็สั่งซื้อข้าวมา 2 ล้านคน เท่ากับว่าประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารสูงมาก แต่ทำอย่างไรเพื่อให้มีรายได้เข้ากระเป๋ามากขึ้นด้วยการเพิ่มองค์ความรู้ ขยายตลาด รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นมา

การปลูกข้าวอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางปีนํ้ามากนํ้าน้อย ทำให้ปลูกได้มากน้อย ควรจะปลูกพืชอื่นแซมด้วยหรือไม่ เช่น ถั่วเหลืองพืชเศรษฐกิจสำคัญของโลกที่ผลิตมาเท่าไรความต้องการมีมาก

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

 

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องแก้ไขปัญหาให้หมด จะต้องไม่ยอมแพ้กับปัญหาที่เกิดขึ้น หากวันหนึ่งมี 50 ชั่วโมง ตนเองและรัฐบาลจะลงพื้นที่ให้ครบทุกจังหวัด ไปติดตามแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญมากกว่าการแก้ไขปัญหาคือการใส่ใจต่อปัญหา ใส่ใจต่อพื้นที่ ใส่ใจต่อประชาชน ตนเองเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น” 

ทั้งนี้ยอมรับว่า ทุกเรื่องจะสำเร็จได้ด้วยการรวมพลังของทุกภาคส่วน ทุกคนต้องช่วยกันนำประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ในฐานะนายกรัฐมนตรีอยากให้ประเทศไทยโลดแล่นไปในอนาคตได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอยากให้ทุกคนมองประเทศไทยในมุมมองที่สว่างไสวเหมือนที่ตนเองมอง เหมือนที่ตนเองอยากให้ประเทศไทยเป็น

 

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน