รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพิจารณษปรับปรุงกฎหมายสำคัญที่ใช้มายาวนานกว่า 86 ปี โดยมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม รายงานว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทยที่มีขนาดเกินกว่า 50,000 เดทเวทตัน (มากกว่า 20,000 ตันกรอสขึ้นไป) หลายรายว่า กฎหมายเดิมคือ กฎกระทรวงเศรษฐการออกตามความในพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ.2481 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540) ได้กำหนดให้เรือไทยที่จดทะเบียนตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพ.ร.บ.เรือไทยฯ เพื่อใช้ประกอบการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศโดยเฉพาะ
ต้องใช้คนประจำเรือที่มีสัญชาติไทย ไม่น้อยกว่า 50% ซึ่งปัจจุบันปรากฏคนประจำเรือไทยที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการสำหรับเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทยที่มีขนาดเกินกว่า 50,000 เดทเวทตัน มีจำนวนน้อยและไม่เพียงพอต่อธุรกิจให้บริการเรือขนส่งระหว่างประเทศและจัดเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ของไทย
ประกอบกับการเจริญเติบโตของธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประสบปัญหาการขาดแคลนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทย ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจัดหาคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยได้ครบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
จึงขอให้ลดอัตราส่วนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยให้น้อยลง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง และเกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงานสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และเพื่อสนับสนุนเสริมสร้างประสิทธิภาพกองเรือพาณิชย์ไทยให้มีขีดความสามารถในการประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และจัดเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ของไทยเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงฉบับนี้
โดยความเร่งด่วนของเรื่องนั้น เนื่องจากปัจจุบันปัญหาการขาดแคลนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยที่จะลงไปปฏิบัติงาน ในเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ได้ส่งผลต่อผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมันของไทยเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหา สนับสนุน และเสริมสร้างกองเรือพาณิชย์ของไทยให้มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาค และเป็นการจูงใจไม่ให้ผู้ประกอบการนำเรือไปจดทะเบียนกับต่างประเทศ
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องกำหนดอัตราส่วนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยสำหรับเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย ที่มีขนาดเกินกว่า 50,000 เดทเวทตัน ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยกำหนดลดอัตราส่วนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทย ระยะเวลา 5 ปี ดังนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมครม. ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงแรงงานไปพิจารณาดำเนินการ โดยกระทรวงแรงงานมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา การขาดแคลนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยในธุรกิจดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงคมนาคมควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการหรือแนวทางเกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพคนประจำเรือ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการจูงใจในการประกอบอาชีพนี้มากขึ้น และช่วยสนับสนุนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศต่อไป