จากการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ณ นครโอซากา และ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-16 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับเดินทางครั้งนี้ซึ่งได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ นายทาเกมิ เคโซ (H.E. Prof. Takemi Keizo) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น และกล่าวถึงการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub)
ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงวิสัยทัศน์อนาคตของประเทศไทยไว้ซึ่งได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการผลักดันอุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น การลงทุนพัฒนาวัคซีนป้องกันคางทูม หัด หัดเยอรมัน และสุกใส (Mumps-Measle-Rubella-Varicella) และไข้เลือดออก (Dengue) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งมีสิทธิพิเศษทางการค้าและทางภาษี
อีกทั้งยังได้หารือความเป็นไปได้ในการดูแลสุขภาพระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุญี่ปุ่นในประเทศไทย รวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน wellness tourism ในประเด็นน้ำพุร้อนที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จมาก่อน
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ทางประเทศญี่ปุ่นได้สอบถามความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) ซึ่งประเทศไทยได้ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้การสนับสนุนในการจัดตั้ง ACPHEED และยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะทำให้ ACPHEED ดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่
ประเด็นความก้าวหน้าของการเจรจาการจัดทำร่างข้อตกลงในการจัดตั้ง ACPHEED เป็นที่น่ายินดีที่ฝ่ายไทยและอินโดนีเซียได้เห็นชอบต่อร่างข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์ฯ แล้ว โดยทางประเทศญี่ปุ่นได้แสดงความพร้อมในการส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติภารกิจในศูนย์ฯ ดังกล่าวเช่นกัน
จากการหารือ ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกมิติ โดยเฉพาะประเด็นการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่าง 2 ประเทศ เช่น การศึกษาวิจัยทางคลินิกในการรักษาโรคมะเร็งที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของโรงพยาบาลร่วมกัน ในลักษณะของโรงพยาบาลพี่น้อง (sister hospital) นพ.ชลน่าน กล่าว