บีทีเอสเฮ “กทม.” ควักเงิน 2.3 หมื่นล้าน จ่ายหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว”

03 เม.ย. 2567 | 02:27 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2567 | 02:29 น.

จ่ายแล้ว “กทม.” เคลียร์หนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ก้อนแรก วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท หลังราชกิจจาฯออกประกาศให้กทม.ดึงงบประมาณปี 67 อุ้มบีทีเอสเสริมสภาพคล่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567 สภากรุงเทพมหานครได้ลงมติ 44 เสียง เพื่ออนุมัติจ่ายเงินภายใน 2 เดือน ซึ่งกรุงเทพมหานครจะนำเงินสะสมจ่ายขาดที่มีอยู่ 40,000-50,000 ล้านบาท มาชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS  ดังกล่าว

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 จำนวน 23,488,692,200 บาท เพื่อใช้จ่ายหนี้ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ผู้รับสัมปทานและให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว  ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M)

รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้ชำระหนี้ให้กับ บีทีเอส แล้ว จำนวน 23,091,937,361 บาท เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 เม.ย.2567 โดยผู้บริหารบีทีเอส ได้กล่าวขอบคุณ กทม. โดยเฉพาะนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. เชื่อว่าการได้รับเงินก้อนดังกล่าวจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้บริษัทซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงาน และที่สำคัญคือ ประชาชนจะได้รับประโยชน์ในการใช้บริการต่อไป 

 

สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยมีมูลหนี้ ดังนี้ 

ส่วนที่ 1 ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ศาลปกครองพิพากษาให้กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับ BTSC จำนวน 11,755.06 ล้านบาท แบ่งเป็น 

 

1.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 

 

2.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 

 

ส่วนที่ 2 ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ตามที่ BTS ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จ่ายหนี้เพิ่มอีกประมาณ 11,068.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565