นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า หลังราชกิจจาฯออกประกาศให้กทม.ชำระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่บริษัทนั้น แปลว่ากทม.มีงบประมาณมาชำระให้บริษัทในส่วนนี้แล้ว ซึ่งมีกระบวนการที่จะต้องดำเนินการด้วย ปัจจุบันกทม.มีหนี้ค้างชำระกับบีทีเอสซี รวมกว่า 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ค่าจ้างเดินรถ ประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท และหนี้ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) รวมกว่า 23,000 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย
“ที่ผ่านมากทม.ได้นัดหารือกับบริษัทถึงการชำระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวหลายครั้งแล้ว ซึ่งกทม.อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเร่งรัดการชำระเงินให้ทันตามกำหนด เท่าที่คุยกันคาดว่าจะชำระเงินให้บริษัทได้ภายในเดือนมีนาคมนี้หรืออย่างช้าสุดภายในต้นเดือนเมษายน 2567”
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ศาลปกครองตัดสินให้บริษัทชนะคดีในประเด็นที่กทม.ค้างชำระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด คาดว่าจะเป็นการประชุมภายในของศาลฯ ปัจจุบันศาลฯยังไม่ได้นัดอ่านคำพิพากษา ขณะนี้มีอยู่ 1 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด คือ คดีที่กทม.และเคที ค้างชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ครั้งที่ 1 วงเงิน 12,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาศาลฯชั้นต้นมีคำสั่งให้กทม.และเคทีชำระหนี้ฯแก่บริษัท แต่กทม.ได้ขอยื่นอุทธรณ์ไปก่อนหน้านี้
“ส่วนการฟ้องร้องคดีที่กทม.และเคที ค้างชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่บริษัท ครั้งที่ 2 ปัจจุบันศาลปกครองยังไม่ได้มีการพิจารณา คาดว่าน่าจะต้องรอพิจารณาคดีแรกให้แล้วเสร็จก่อน ที่ผ่านมาศาลฯได้ตัดสินและยื่นอุทธรณ์แล้ว ทำให้บริษัทยังไม่ได้ฟ้องร้องในครั้งที่ 3 เพราะเชื่อว่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน”
สืบเนื่องมาจากหลังจากราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 23,488,692,200 บาท เพื่อใช้จ่ายหนี้ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้รับสัมปทานและให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา สภากรุงเทพมหานคร ได้ลงมติ 44 เสียง เพื่ออนุมัติจ่ายเงินภายใน 2 เดือน ซึ่ง กทม.จะนำเงินสะสมจ่ายขาดที่มีอยู่ 40,000-50,000 ล้านบาท มาชำระ 1.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,199 ล้านบาท (ดอกเบี้ยยังไม่เป็นปัจจุบัน) และ 2.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 8,786 ล้านบาท (ดอกเบี้ยยังไม่เป็นปัจจุบัน)