วันนี้ (5 เมษายน 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2568 กับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที
นายกฤษฎา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2568-2571 มีกรอบวงเงินเพิ่มขึ้น 152,700 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท เป็น 3.752 ล้านล้านบาท โดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะนำเสนอผลประชุม 4 หน่วยงานไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า
“กรอบวงเงินครั้งนี้จะเป็นไปตามแผนการคลังระยะปานกลาง โดยสำนักงบประมาณได้แจ้งรายละเอียดต่อที่ประชุมเอาไว้แล้วทั้งหมด และจะเสนอครม.ต่อไป” นายกฤษฎา ระบุ
สำหรับรายละเอียดวงเงินงบประมาณปี 2568 ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3,752,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 3.6 ล้านล้านบาท โดยเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่อง วงเงิน 865,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกรอบเดิม 713,000 ล้านบาท
ขณะที่ สัดส่วนหนี้สาธารณคงค้าง อยู่ที่ 12,841,743 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 66.93% ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ อยู่ที่ 2,887,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2568 ได้ประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP อยู่ที่ 19,570,126 ล้านบาท
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจครั้งนี้ เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ ปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 3.752 ล้านล้านบาทแล้ว ขั้นตอนต่อไปสำนักงบประมาณจะสรุปรายละเอียดเสนอให้ที่ประชุมครม.วันที่ 9 เมษายน นี้ พิจารณา ขณะเดียวกันสำนักงบจะต้องไปหารือกับส่วนราชการต่าง ๆ ในการปรับปรุงกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุน ซึ่งกำหนดให้ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 20% ของวงเงินงบประมาณด้วย
“หลังจากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เพิ่มขึ้นมาอีก 152,700 ล้านบาท การจัดทำงบลงทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นมาให้ได้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของวงเงินงบประมาณด้วย โดยสำนักงบจะไปหารืออีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุป ส่วนวงเงินงบประมารที่เพิ่มขึ้นมาครั้งนี้จะนำไปใช้ในโครงการใดเพิ่มเติมนั้นก็ต้องไปคุยกับหน่วยงานต่าง ๆ ก่อน” นายเฉลิมพล กล่าว