หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่
ทั้งนี้ หนึ่งในผลลัพธ์สำคัญจากการหารือครั้งนี้ คือ การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยไทยและนิวซีแลนด์ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 3 เท่า ภายในปี 2588 ซึ่งจะสอดคล้องกับความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย - นิวซีแลนด์ (Thai - New Zealand Closer Economic Partnership Agreement : TNZCEP) ที่เพิ่มพูนการค้าทวิภาคีของทั้งฝ่ายมาตั้งแต่ปี 2548
ฐานเศรษฐกิจ เปิดข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ โดยพบว่า ปี 2566 การค้า ไทย-นิวซีแลนด์ มีมูลค่ารวม 2,242.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 65 ถึง 21.2% โดยไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์ 1,404.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบถึง 24.94% ส่วนนิวซีแลนด์ส่งออกสินค้ามาไทยได้ 838.18 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 14% ทั้งนี้ไทยได้ดุลการค้าราว 565.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ ยังรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ประจำปี 2566 โดยระบุว่า ภาคการส่งออกนิวซีแลนด์ มีมูลค่า 68,700 ล้านเหรียญดอลลาร์หดตัว 4.5% เมื่อเทียบกับปี 2565 ขณะที่การนำเข้าสินค้าลดลง 5% มีมูลค่า 82,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นิวซีแลนด์ขาดดุลการค้ามูลค่า 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากในช่วงต้นปี เกาะเหนือได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลน Hale และ Gabrielle เกิดภาวะน้ำท่วมและสร้างความเสียหายในพื้นที่ อีกทั้ง ในช่วงครึ่งปีหลังราคาสินค้าส่งออกสำคัญลดลง อาทิ นมผงและเนื้อแกะ ประกอบกับการส่งออกสินค้านมผง เนย ชีสต์และเนื้อไปจีนลดลง
ด้านการนำเข้าสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังของนิวซีแลนด์ลดลง เนื่องจากนิวซีแลนด์ลดการนำเข้ารถยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ และ น้ำมันปิโตรเลียม
ทั้งนี้ ปัจจุบันค่าครองชีพนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 7% อัตราดอกเบี้ยนโยบายนิวซีแลนด์อยู่ที่ 5.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.7% อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4% อัตราค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.9% ต่อชั่วโมง