KEY
POINTS
99 คณาจารย์-นักวิชาการ หลากหลายแขนงทั้งเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ และแพทย์ แบกต้นทุนทางสังคม-ออกโรงคัดค้าน “กาสิโนถูกกฎหมาย”ในไทยหมดหน้าตัก
“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์” นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน 1 ใน 99 อาจารย์ที่ร่วมลงชื่อ-ร่วมขบวนคัดค้าน “กาสิโนถูกกฎหมาย” ซ่อนกล จากรั้วปัญญาชน-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดึงถึงหูผู้มีอำนาจในทำเนียบฯ
ความไม่พร้อม ตอนนี้การทำ Entertainment Complex เป็นยาสารพัดประโยชน์ของรัฐบาล โดยอ้างเรื่องดึงนักท่องเที่ยวและทำให้นักท่องเที่ยวจ่ายมากขึ้น การดีเบทหรือความรีบร้อนที่จะทำจะให้มีจังหวัดรอบ ให้มีขนาดใหญ่ ขนาดใหญ่มาก ๆ ในเมืองหลัก และจังหวัดชายแดน เมื่อมีแล้ว บ่อนผิดกฎหมายจะหมดไป สุดท้ายแล้วสารพัดประโยชน์ที่ไม่ได้โฟกัสอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบที่สูงมาก ๆ
การพนันเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบทางสังคมได้ สู่ครอบครัว ก่ออาชญากรรม ตัวอย่างในแอฟริกาใต้อัตราการเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นชัดเจน ตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก คนในประเทศเป็นหลักที่ไปเล่น สุดท้ายต้องตั้งกรรมการไปเล่นปิด ภายหลังพื้นที่ที่ปิดไปสภาพเศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น
“พอเปิดกาสิโนแล้วทำให้เรา เศรษฐกิจดูเหมือนจะเฟื่องฟูและมีการจ้างงานมากขึ้น แต่สุดท้ายผลกระทบเกิดตามมาคือประชาชนหรือคนที่อยู่ในครอบครัวที่เล่นการพนันยากจนลง และธุรกิจอื่นคนน้อยลง สุดท้ายก็เจ๊งไป ผลการศึกษาของสหรัฐอเมริกาหลายเมืองที่เปิดกาสิโนที่ไม่ใช่ลาสเวกัส พบว่าธุรกิจรอบข้าง ธุรกิจท้องถิ่นแย่ลง บางแห่งต้องปิดกิจการลง เพราะคนไปเข้ากาสิโนแทน”
ในรายงานผลการศึกษาฯของสภา มีการประเมินเรื่องเงินที่จะเข้ามาเล่นในกาสิโนเท่าไหร่ และรัฐบาลจะเก็บภาษีเท่าไหร่ แต่ผลกระทบเป็นนามธรรม ไม่มีการประเมิน สุดท้ายแล้วก็เป็นตัวเลขด้านเดียว
“การขาดความพร้อม การบำบัดรักษาคนติดพนัน คนจำนวนมากเข้าไม่ถึง โรคติดพนันเป็นโรคที่ WHO ประกาศแล้วว่า พนัน เป็นการติดประเภทหนึ่งที่เหมือนสารเสพติด การเสพติดทางจิต มีอาการแบบเดียวกัน ต้องได้รับการบำบัด”
ในต่างประเทศมีงานศึกษาเรื่องผลกระทบเมื่อการพนันกลับมาเฟื่องฟู โดยเฉพาะกาสิโน ทำให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น ซึ่งผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่คนคนเดียว แต่กระจายไปที่ครอบครัว นำมาสู่สังคมชุมชน
“ปัญหาใหญ่ของประเทศไทย คือ การบังคับใช้กฎหมาย สิงคโปร์มีการบังคับใช้กฎหมายที่แข็งแรง บ้านเราถ้าแข็งแรงจริงคงไม่มีบ่อนเกลื่อนประเทศไทยทั้งที่มีกฎหมายไม่อนุญาตให้ได้”
ผลการศึกษาฯของสภา ประเมินรายได้ของธุรกิจกาสิโนประมาณหมื่นกว่าล้านบาท ภาษีไม่เกิน 20 % หรือ 2,000 ล้านบาท คิดว่าเยอะหรือไม่หากเทียบกับปัญหาอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้น ถ้ามีคนไทยเข้าไปเล่น 3.7 ล้านคน แต่ไม่ได้เอาประโยชน์กับต้นทุนทางสังคมมาเปรียบเทียบและยังไม่ถูกนำมาประเมิน เมื่อมีกาสิโนถูกกฎหมายแล้ว ไม่ใช่ว่ากาสิโนผิดกฎหมายจะหมดไป
สิงคโปร์เป็นประเทศพัฒนาแล้ว รายได้เฉลี่ยอยู่ในระดับประเทศร่ำรวยแล้ว แต่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ติดกับดักการเจริญเติบโต ปัจจุบันตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีความกังวลระดับหนี้ครัวเรือนสูงมาก คนละเรื่องกัน
คิดว่าสืบทอดมาจากครั้งที่แล้ว แรงผลักจากในสภา เพียงแต่รัฐบาลตอบรับเร็วไปหน่อย โดยยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด
ถ้าดูประเทศอื่นเวลาคิดที่จะทำกาสิโน เมื่อคิดเสร็จแล้ว ไม่ได้ไปเลย ญี่ปุ่นใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าจะเปิดได้อีกหลายปี ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ดูผล ดูวิธีให้ได้ประโยชน์สูงสุด แต่ของเราดูเหมือนกับผลการศึกษาที่อยู่ในสภาก็เป็นผลการศึกษาแบบคร่าว ๆ ออกมาทำให้เกิดบรรยากาศเหมือนจะมีปีหน้า
“ที่สำคัญมากกว่านั้น ครั้งนี้กาสิโนซ่อนอยู่ภายใต้แนวคิดเป็นสถานบันเทิงครบวงจร แต่ไม่ได้มีการพูดถึงทั้งหมด สุดท้ายไปพูดแต่คำว่ากาสิโน ในรายงานการศึกษาถ้าอ่านไม่ดี เราจะถูกทำให้สับสน เพราะใช้สองคำสลับกันไปสลับกันมา”
ถ้าดูจากการประเมินหรือตัวเลขจากทั่วโลก พูดในคอนเซปต์ในแนวของ Entertainment Complex แต่กาสิโนเป็นเพียงหนึ่งในนั้น จะมาตีขลุมว่า เป็นกาสิโน
ข้ออ่อนประเด็นแรก ของการใช้คำว่า Entertainment Complex หรือ สถานบันเทิงครบวงจร กับ คำว่า กาสิโน ใช้สลับไปสลับมาจนเกิดอาการ คิดว่าคนอ่าน ถ้าอ่านเผลอไปเผลอมาก็อาจจะไปรวมกันเอง และอ้างว่าประชาชนสับสน แต่จริง ๆ ประชาชนไม่สับสน แต่คนเขียนพยายามเขียนและทำให้สับสน เป็นปัญหาใหญ่
ประเด็นที่สอง รายได้ที่จะเกิดประมาณการไว้มีทั้ง Entertainment Complex มีทั้งกาสิโน จะเกิดผลดีทางบวกทางเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง แต่ในเชิงลบไม่มีการประมาณการ เป็นเพียงนามธรรม ทำให้คนลืมไปว่ามีผลกระทบเชิงลบอยู่และมีมูลค่าความเสียหาย ไม่ใช่ไม่มี
ผลการศึกษาฯของสภา ประเมินรายได้ของธุรกิจหมื่นล้านบาทเฉพาะกาสิโน แต่ตัวเลขบางอย่างไปผสมกัน เช่น ตัวเลขการจ้างงาน 20,000 คน ถ้าเป็นกาสิโนอย่างเดียวต้องใหญ่มาก แต่น่าจะเป็นตัวเลขของการจ้างงานของสถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่
“เกิดการผสมกันเสียจน อะไรที่ดูเป็นเรื่องเศรษฐกิจเชิงบวกก็จะมีตัวเลขบานเบอะขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงไม่น่าจะหมายถึงกาสิโนอย่างเดียว รัฐบาลไม่ต้องก้าวเร็ว เพราะคนที่เคยก้าวเร็วอย่างแอฟริกาต้อง step back เยอะ เพราะปัญหาตามมามาก”
รัฐบาลต้องคิดให้เยอะ เพราะมีการพูดถึงการเติบโตของกาสิโนในอาเซียนเยอะ ซึ่งกาสิโนที่ไม่ได้มีการวางแผนเป็นอย่างดี เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ เพราะกาสิโนเป็นแหล่งที่ทุกคนจะเอามาฟอกง่าย
รัฐบาลจะจัดการอย่างไร ยังไม่ได้ทดลองสัก 1 แห่ง แต่จะมีอีกหลายแหล่ง การป้องกันและดูแลประชาชนจะทำอย่างไร และพื้นที่ ถึงแม้จะมีการรับฟัง จะรับฟังแค่คนในพื้นที่ไม่เพียงพอ เพราะกาสิโนมีผลกระทบในวงกว้าง
“หลายคนคิดไปถึงการทำประชามติด้วยซ้ำ ต้องถามคนทุกคนด้วยหรือเปล่า เพราะเป็นนโยบายใหญ่ ทำนโยบายเล็ก ๆ ไปก่อนก็ได้ ถ้าอยากจะเปิดจริง ๆ ไปเปิดในสนามบิน ให้เป็นห้องสำหรับคนที่เดินทาง มีเวลาจำกัด”
ถ้าฟังเผิน ๆ ประชาพิจารณ์ก็ได้ แต่เราก็ล้มเหลวเรื่องประชาพิจารณ์มาตลอด สุดท้ายแล้วประชาพิจารณ์ทำไม่ครอบคลุม เชิญชวนเฉพาะคนที่เห็นด้วย แขวนไว้บนเว็บไซต์ไม่มีคนเห็น คนออกมาประท้วง ไม่เห็นรู้เรื่อง พออยากได้ ทุกอย่างเป็นพิธีกรรม
“โจทย์ใหญ่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายแบบจริงจังมากขึ้น ส่วยหลัก ๆ มาจากกาสิโนออนไลน์ เป็นปัญหาใหญ่มาก การกำกับดูแลต้องมี เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเกี่ยวข้อง รวมถึงการปราบปราม ถ้าเราไม่ได้แก้ปัญหาตรงนี้ ไม่ให้ความใส่ใจ ก็เหมือนกับว่าเรามีบ่อนที่อ้างว่าถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นมา มีสถานที่ให้เล่นมากขึ้น”
สะท้อนว่า รัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจมากหรือไม่ จนไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง อย่ามาทำอะไรในกิจกรรมที่มีผลกระทบกับสังคมโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
ถ้าคนที่เข้าไปเล่นมีกฎกติกาที่ดี ทำให้เล่นแต่พอประมาณ ผลกระทบเชิงลบก็จะลดลงเยอะ แต่ถ้าไม่มีและเห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ เคยมีบทเรียนในต่างประเทศที่เปิดกาสิโนขึ้นมาโดยคาดหวังจากนักท่องเที่ยว
สุดท้ายนักท่องเที่ยวไม่มา ต้องไปกระตุ้นคนในประเทศให้มาเล่น ไม่เช่นนั้นเจ๊ง ยอมปล่อยให้เจ๊งไหม สร้างผลกระทบมากมาย สุดท้ายก็ต้องลดขนาดลงมา กติกาต้องมีอีกเยอะ กาสิโนต้องไม่มีโฆษณา การเรียนรู้ในสังคมไทยต้องมากกว่านี้ เพื่อควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้
ลาสเวกัสและมาเก๊าผู้เล่นหลักมาจากข้างนอก ทำให้คนมาเล่นไม่ยืดเยื้อยาวนานตลอด เป็นหนี้สินก็กลับไปเป็นปัญหาที่บ้านตัวเอง โมเดลประเทศไทยไม่ใช่ ดึงคนในประเทศมาเล่น ปัญหาต่าง ๆ ก็จะถูกทิ้งอยู่ที่นี่ จึงใช้โมเดลลาสเวกัสกับมาเก๊าไม่ได้
ถ้าเปิดจำนวนมาก กังวลใจว่าจะเกิดขึ้นเหมือนในแอฟริกา หรือ สีหนุวิลล์ในกัมพูชา ซึ่งถูกตั้งข้อครหาว่าเป็นแหล่งฟอกเงิน อาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สีหนุวิลล์ก็กลายเป็นเมืองร้าง
ถึงแม้คนจะแอบเล่น ยังแอบเล่นแบบมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่ออะไรที่ถูกกฎหมาย ความกลัวที่ต้องระมัดระวังจะหายไปทันที เพราะรู้สึกว่ารัฐบาลให้มีแล้ว
“สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้น คือ คนเล่น ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งกิจกรรมการพนันไม่ได้สร้างความเชื่อมต่อในธุรกิจอื่น ๆ เมื่อเทียบกับธุรกิจทั่ว ๆไปที่เชื่อมโยง ผลักให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจบริการจะสั้น
โดยเฉพาะกาสิโนไม่ได้ยาว แต่เป็นการดึงคน ดึงเงินเข้ามา อาจจะมีคนที่ชนะ คนที่ถูกแจ็คพ็อตบ้าง ก็คือเงินของคนอื่น คนที่จะรวยจริง ๆ คือ คนที่เป็นเจ้ามือ
เท่ากับเป็นการดึงเงินประชาชนเข้าไปในธุรกิจนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในระยะยาวกาสิโนจะไม่ได้มีผลดีกับระบบเศรษฐกิจ แต่ปัญหาที่เราจะต้องจ่ายจะเยอะ เช่น อาชญากรรม”
ไม่จริง หนึ่ง บ่อนผิดกฎหมายก็ยังอยู่แบบเดิม ที่เกิดขึ้นมาใหม่และคาดหวังว่าจะมีการลงทุนแสนล้าน คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ อาจารย์ยังหาความเชื่อเรื่องว่า แสนล้านมาจากไหนไม่ได้ พื้นที่ไหนที่จะลงทุนแสนล้าน กิจกรรมอะไรบ้างที่จะลงทุน
“สุดท้ายกาสิโนจะมีขนาดเท่าไหร่ สำคัญมากกว่านั้น เมื่อเปิดไปแล้วและอยากให้เฟื่องฟูมาก ก็ต้องดึงคนไปเล่นให้เยอะ เงินที่อยู่ในกระเป๋าประชาชนก็ไหลไปตรงเจ้าของธุรกิจมากขึ้น และรัฐบาลก็เก็บภาษีได้ 10-20 % จากเงินรายได้เท่านั้นเอง อีก 80 % ก็อยู่ในกระเป๋าของผู้ลงทุน แล้วมันจะเฟื่องฟูตรงไหน”
อยากให้รัฐบาลรับฟังบ้าง การมีกาสิโนไม่ใช่เป็นหนทางออกของประเทศ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ต้องรับกรรม คือ คนรุ่นหลังที่ต้องรับกรรมจากเรื่องนี้ไป
“มีแนวทางสร้างสรรค์อีกเยอะแยะ เช่น ซอฟท์พาวเวอร์ คงไม่มีใครบอกว่า กาสิโน คือ ซอฟท์พาวเวอร์ ซึ่งไม่ใช่ และอาจจะทำลายซอฟท์พาวเวอร์ด้วยซ้ำ”
สำคัญมากกว่านั้น เรากำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้ครัวเรือน แล้วจะมีกาสิโนเพื่อให้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นไปอีกหรือ แล้วจะมากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีนี้ ไม่ได้สร้างความยั่งยืนอะไรให้กับระบบเศรษฐกิจ กาสิโนไม่ใช่ทางออก แต่จะทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแย่ลง
ตอนที่หาเสียงเลือกตั้ง ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องนี้เลยว่าเป็นนโยบาย จะมาอ้างว่า ตัวเองเป็น สส.ได้รับฉันทามติมาแล้วได้อย่างไร และไม่ได้อยู่ในนโยบายที่แถลงต่อสภา แล้วจะมาอ้างเพื่อทำเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย ไม่ใช่
“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับรัฐบาลที่เราว่ามาจากการเลือกตั้ง กลับไปถามประชาชนใหม่ไหม ก็คือเรื่องประชามตินั่นเอง”