นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการแบ่งงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว ได้แก่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชัย ได้แบ่งงาน ดังนี้
1. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีอำนาจในการสั่งการการอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแล และการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการอื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี สำหรับงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐในกำกับ ดังนี้
1.1. สำหรับงานของส่วนราชการในสังกัด ดังนี้
1.2. เรื่องที่เป็นราชการอันเกี่ยวกับงานซองรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานซองรัฐในกำกับ ดังนี้
2. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีอำนาจในการสั่งการการอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแล และการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการอื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี สำหรับงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐในกำกับ ดังนี้
2.1. สำหรับงานของส่วนราชการในสังกัด ดังนี้
2.2. เรื่องที่เป็นราชการอันเกี่ยวกับงานของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐในกำกับ ดังนี้
3. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีอำนาจในการสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแล และการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการอื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี สำหรับงานของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐในกำกับ ดังนี้
3.1. สำหรับงานของส่วนราชการในสังกัด ดังนี้
3.2. เรื่องที่เป็นราชการอันเกี่ยวกับงานของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐในกำกับ ดังนี้
ทั้งนี้ การมอบอำนาจ ตามข้อ 1 - ข้อ 3 ไม่รวมถึงการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระหรวงการคลังถือหุ้น งานที่เป็นเรื่องนโยบาย เรื่องที่ต้องเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีและเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยการมอบหมายการปฏิบัติราชการแทนกัน ในกรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังผู้ใดไม่มีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่อยู่เป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน
และเมื่อมีการใช้อำนาจตามที่มอบไว้ตามคำสั่งนี้แล้ว ให้ผู้รับมอบอำนาจรายงานผลการใช้อำนาจต่อผู้มอบอำนาจ เป็นระยะตามความเหมาะสมในแต่ละเรื่องด้วยบรรดาคำสั่ง หรือหนังสือมอบอำนาจใดที่มีการมอบอำนาจไว้แล้ว ซึ่งมีข้อความเหมือนหรือขัดแย้งกับคำสั่งนี้ ให้ใช้คำสั่งนี้แทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป