นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ที่ทำได้น้อยกว่าเป้าหมายกว่า 2.7 หมื่นล้านบาทนั้น สาเหตุมาจากการกรมสรรพสามิต มีการเข้าไปช่วยชดเชยลดภาษีน้ำมันเบนซิน และดีเซล รวมถึงการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่น้อยกว่าที่คาด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เมื่อกระทรวงการคลัง ไม่ได้มีการต่อมาตรการลดภาษีดีเซลแล้ว ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพทางภาษี การออกมาตรการดูแลอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ และเริ่มใช้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้มีโอกาสทำได้ตามเป้าหมาย
“ในครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจน่าจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นภาคออสังหาริมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังได้ออกไปแล้ว ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้ เห็นได้จากผลตอบรับที่ดีจากประชาชน เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แฮปปี ไลฟ์ ก็มียอดรอโอนเป็นจำนวนมาก และเพิ่งมีการขยายวงเงินไปอีก 1 หมื่นล้านบาท”
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง กำลังศึกษาออกมาตรการทางการคลัง เพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง ควบคู่กับไปกับการดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ท เพราะถือเป็นโอกาสทอง หากเศรษฐกิจไทยเริ่มผงกหัวขึ้นมาได้แล้ว ก็ไม่อยากให้ตกลงไปอีก
“ปัจจุบันภาคการคลังได้เหยียบคันเร่งเต็มที่แล้ว แต่ขอให้มั่นใจในกระทรวงการคลัง ว่าการออกแต่ละมาตรการจะคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ต้องสูญเสียไป”