เทศบาลเชียงใหม่ พร้อมรับเปิดเทอม 2567 สำรองเงิน 660 ล้านบาท ให้โรงจำนำ
สถานธนานุบาล หรือ โรงรับจำนำเทศบาลเมืองเชียงใหม่ สำรองเงิน 660 ล้านบาท รองรับช่วงเปิดเทอม 2567 ขณะประชาชนแห่ใช้บริการคึกคัก วันละ 200-300 ราย ส่วนเซ็นทรัล เชียงใหม่ คาดสินค้ารับเปิดเทอม ภาพรวมโต 5-6% ขณะสยามทีวี ชี้สินค้ากลุ่ม โน้ตบุ๊ก ไอที โต 30%
นางสาวสุทารัตน์ สุดเขต รองปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนในช่วงเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2567 วันที่ 16 พฤษภาคม นี้ว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ มีสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำทั้งหมด 5 แห่ง คิดดอกเบี้ยรับจำนำ สำหรับผู้ที่นำทรัพย์สินมาจำนำ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2567 (กำหนดระยะเวลา 2 เดือน) ดังนี้
- เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อเดือน
- ส่วนเงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน
และเทศบาลฯ และได้จัดเตรียมเงินสำรองไว้ในช่วงเปิดภาคเรียน เป็นรวมทั้งสิ้น 660 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ในการคิดดอกเบี้ย เทศบาลนครเชียงใหม่แบ่งการคิดดอกเบี้ยเป็น 3 อัตรา ๆ แรกไม่เกิน 15 วัน คิดดอกเบี้ยครึ่งเดือน อัตราที่สองเกิน 15 วัน คิดดอกเบี้ย 1 เดือน และอัตราที่สาม ตั๋วจำนำที่มีอายุตั้งแต่ 4 เดือนเป็นต้นไป มีการผ่อนผันให้อีก 30 วัน
ทรัพย์ที่ใช้ในการจำนำ เช่น ทองรูปพรรณ เพชร พลอย นาค นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง รวมถึงเครื่องมือเกษตร และเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ซึ่งทรัพย์ส่วนใหญ่ที่มาจำนำจะเป็น ทองรูปพรรณ
รองปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า การไถ่ถอนช่วงนี้มีน้อยกว่า ที่ใช้จำนำ สัดส่วน ประมาณ 60-70% ปีนี้การไถ่ถอนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์น่าจะน้อย เนื่องจากว่าราคาทองคำของตลาดโลกมีสูง จะมีคนมาจำนำทองมากกว่าการไถ่ถอน เพราะได้เงินมากขึ้น แต่ตอนไถ่ถอนก็ต้องรับสภาพในราคาที่แพงขึ้นด้วยเหมือนกัน
สำหรับบรรยากาศผู้มาใช้บริการ ปกติจะมีประมาณวันละ 100-200 ราย แต่ในช่วงเปิดเทอมผู้มาใช้บริการต่อวัน ประมาณ 200-300 ราย จำนวนเงินสำรองไว้จากเดิม 1-2 ล้านบาท แต่ในช่วงใกล้จะเปิดเทอม จะเพิ่มวงเงินสำรองจ่ายไว้ รายวัน 2-3 ล้านบาท
ปีนี้ประชาชนที่มาใช้บริการคึกคักเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะสถานธนานุบาล ของภาครัฐ ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการนำทรัพย์ มาจำนำ ทอง เงิน นาค เพชร อาจจะไม่ได้เท่าเอกชน แต่ดอกเบี้ยถูก ถ้าเลยเวลาไถ่ถอน ก็สามารถมาพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ได้
- Central Back To School คาดภาพแผนกเด็กรวมโต5-6%
ส่วนบรรยากาศ Back to School ในห้างสรรพสินค้า นางสาวชนัษฐ์ชา ผกากาศ ผู้จัดการสาขา ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากสงกรานต์ผ่านไป ในช่วงแรกๆของการเริ่มรายการ ยังเงียบอยู่ ในช่วงของสัปดาห์สุดท้ายค่อนข้างที่จะเงียบ อาจจะเป็นช่วงหลังสงกรานต์ พาเด็กๆไปท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวผู้ปกครองอาจจะยังไม่ได้เข้ามาใช้จ่ายกัน แต่ช่วงสัปดาห์นี้คนเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้น จนถึงก่อนวันเปิดเทอม ทำให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น ภาพรวมสินค้าแผนกเด็กโตจากปีที่แล้วประมาณ 5-6%
นางสาวชนัษฐ์ชา กล่าวว่า เซ็นทรัลฯได้จัดแคมเปญ Central Back To School...School Kits for Cool Kits ต้อนรับเปิดเทอมใหม่ เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน- 31 พฤษภาคม 2567 ชั้น 4 บรรยากาศของปีนี้รูปแบบของการจัด Back to School จะเปลี่ยนไป ภายใต้คอนเซ็ปต์” School Kits For Cool Kids “สินค้าจะดูมีความทันสมัย กับเด็กยุคใหม่ สุดชิค
"ถ้าพูดถึง Back to School สมัยก่อน จะต้องชุดนักเรียน เป็นไฮไลท์หลัก ที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องมาหาซื้อที่ ห้างฯ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป ชุดเครื่องแบบนักเรียน แต่ละโรงเรียน จะมีร้านค้าเข้าไปจำหน่าย ให้กับทางโรงเรียนเอง ทางเซ็นทรัลฯจะเน้นเป็นพวกอุปกรณ์ การเรียนต่างๆ รวมถึงพร็อพ ก็ตอบโจทย์ คนเมืองเชียงใหม่ และมองไปถึงลูกค้าในกลุ่มที่เป็นโรงเรียนนานาชาติ ด้วย เพราะว่าเชียงใหม่ มีโรงเรียนนานาชาติ ค่อนข้างจะเยอะ จะตอบโจทย์กับหลายๆสิ่งอย่าง ในเรื่องที่มีความทันสมัย"
ในส่วนของทางสาขาเชียงใหม่ จะมีสินค้าไฮไลท์ ให้เช็กลิสต์ ไอเทม พร็อพต่างๆ ที่ต้องมีก่อนเปิดเทอม ให้กับผู้ปกครองได้มาดูด้วยว่า เบื้องต้นในการเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนมีอะไรบ้าง เป็นหัวข้อเล็กๆที่คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ที่ลูกอาจจะเป็น First time ในการที่จะไปเข้าโรงเรียน ให้ด้วย อาทิ ดินสอ ปากกา ไม้บรรทัด สมุดโน้ต ดินสอสี แฟ้มเอกสาร ชุดชั้นในเด็กหญิง เด็กชาย รองเท้า ถุงเท้า ชุดว่ายน้ำ ชุดกีฬา กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ นาฬิกาข้อมือ กระเป๋านักเรียน กระเป๋าเป้ กระเป๋าล้อลาก ฯลฯ
- ไอที มือถือ คอมพิวเตอร์ คึกคัก
นางสาวระพีภัทร ปลื้มพิทักษ์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เชียงใหม่สยามทีวี จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้ back to school ที่มาแรง ยังเป็นโน้ตบุ๊กอยู่ จึงเตรียมสินค้ากลุ่มไอที โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มที่เป็น AI โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยี AI ถ้าเป็นกลุ่ม โน้ตบุ๊ก จะมีทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ฟังก์ชัน Copilot ที่จะช่วยในเรื่องของการเรียน การสอนที่จะดีขึ้นปีนี้คาดว่าสินค้ากลุ่ม โน้ตบุ๊ก ไอที โตประมาณ 30% โดยอ้างอิงยอดจากไตรมาส1 และคิดว่าปีนี้น่าจะไปต่อได้อีก โดยเฉพาะมีเทคโนโลยี AI เข้ามา ซึ่งราคาถูกลงลูกค้าอาจจะอยากเปลี่ยนรุ่นใหม่เรื่อยๆ
ช่วงนี้นักเรียนยังมีซื้อพวกแท็บเล็ต แท็บเล็ตตอนนี้จะมีรุ่นใหม่ออกมาค่อนข้างเยอะ แต่ว่าแบรนด์หลักๆที่ทำยังคงเหลืออยู่แค่ 2 แบรนด์ Apple ที่เป็น iPad กับ Samsung Galaxy Tab โดยประมาณ 60% ลูกค้าจะมาใช้ตัว iPad เป็นหลัก เพราะว่าเดี๋ยวนี้ถ้าเราเข้าไปดูการศึกษาในโรงเรียน โรงเรียนส่วนใหญ่ตอนนี้เริ่มนำ Macbook เข้าไปใช้ในการเรียนการสอน
ความคึกคักถ้าเทียบกับช่วงเปิดเทอมปีนี้กับปีที่แล้ว ต่างกันเยอะ ปีที่แล้วไอที ยอดขายตกมากยิ่งกว่าก่อนโควิด ช่วงโควิดตกสุดๆแล้ว ปีที่แล้วยิ่งกว่าช่วงนั้นอีก ปีที่แล้วไอทีไม่ดี ยอดขายที่เป็นเม็ดเงินตกไปประมาณ 15-20% แต่ว่าจำนวนยูนิตลดใกล้เคียงกัน
ประกอบกับ สยามทีวี มีโครงการปริ้นเตอร์เก่า ทุกสภาพนำมาแลกซื้อปริ้นเตอร์ใหม่ รับส่วนลดไปเพิ่ม 400 บาท คิดว่าน่าจะกระตุ้นในยอดของกลุ่มปริ้นเตอร์ กลุ่ม OA ได้บ้าง นอกจากนี้กลุ่มที่เป็นโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือทุกรุ่น ยี่ห้อ ที่เป็นรุ่นเก่า สามารถเอามาแลกซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ใน สยามทีวี ได้อีกด้วย เป็นอีกออฟชั่นหนึ่งที่ลูกค้าน่าจะให้ความสนใจ
นอกจากงาน back to school ต้อนรับเปิดเทอม แล้วจะมี งานสยามทีวี Cool Festival มหกรรมเครื่องเย็นใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ จัดควบคู่กันไปด้วย จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องเย็นทั้งหมด แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ พัดลม พัดลมไอเย็น เครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ จะร่วมอยู่ในนี้ทั้งหมด ค่อนข้างเน้นใน 2 หมวดหลัก คือ กลุ่มสินค้าเครื่องเย็น กับ กลุ่มสินค้าไอที แท็บเล็ต มือถือ
ส่วนสินค้ากลุ่มอื่นๆ เช่น ทีวี เดือนหน้าจะมี จัดแคมเปญ ต้อนรับการแข่งขันยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมันนี ช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และกลุ่มแบรนด์ที่เป็น AV ทั้งหมด ทีวี ออดิโอ ทั้งหมดจะมาทำโปรโมชั่นใหญ่ในช่วงนี้ เพราะว่าจะเน้นขายทีวีจอใหญ่ จอยักษ์ และกลุ่มเครื่องเสียง ซาวด์บาร์ ลำโพงเซอร์ราวด์ สปีกเกอร์ ต่างๆจะมาเน้นกันในช่วงนั้น ที่เป็นงานTV & AUDIO FAIR ช่วงฟุตบอลยูโรฯ
สำหรับสัดส่วนยอดขายของสยามทีวี ปกติกลุ่มเครื่องเย็น ที่เป็นแอร์ ประมาณ 10% แต่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 20% ในพอร์ต เม็ดเงินค่อนข้างสูง เพราะว่าตัวหนึ่งราคา 10,000 กว่าบาทขึ้นไป จำนวนเครื่องปีที่แล้วปิดที่ 25,000 ตัว ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 27,000-28,000 ตัว แต่เม็ดเงินจะสูงขึ้น เพราะราคาสูงขึ้นจากปีที่แล้ว
คาดว่าฤดูร้อนปีนี้ยอดขายภาพรวมทุกหมวด สินค้าอันดับ 1 กลุ่ม HA เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ไม่รวมแอร์ อยู่ที่ประมาณ 40% แอร์ประมาณ 20% และอีก 3 หมวด ทีวี มือถือ และไอที รวมกันอยู่ที่ 40% เป็น 5 หมวดหลัก ในช่วง 3 เดือน ยอดขายประมาณ 650 ล้านบาท