วันนี้ (20 พฤษภาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีความชัดเจนของมูลค่าลงทุนของบริษัทไมโครซอฟท์ ภายหลังนายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยช้ากว่ามาเลเซีย ว่า เทียบระหว่างประเทศไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย ไทยยังอยู่ในระยะที่ 1 (เฟส 1) ขณะที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ไมโครซอฟท์ได้ไปตกลงเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่เฟส 2 ไมโครซอฟท์จึงสามารถระบุยอดมูลค่าลงทุนได้
“ประเทศไทยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเฟสที่ 1 ที่ไมโครซอฟท์กำลังประเมินว่า โปรเจ็กต์ลงทุนจะมีขนาดไหน มูลค่าเท่าไหร่ เมื่อเข้าสู่เฟส 2 ก็จะสามารถประกาศมูลค่าการลงทุนได้เหมือนมาเลเซีย หรือยอดการลงทุนจะเป็นเท่าไหร่ จึงยังบอกไม่ได้ คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน คาดว่าปลายปีนี้จะประกาศได้”นายชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไมโครซอฟท์ใช้เกณฑ์อะไรพิจารณาว่าจะลงทุนมูลค่าเท่าไหร ตอนไหน นายชัยกล่าวว่า ธุรกิจประเภทดิจิทัลอีโคโนมี ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซ็นเตอร์ ต้องใช้พลังงานสะอาด ดังนั้น ประเทศนั้นต้องมีศักยภาพเรื่องกรีนเอ็นเนอร์ยี่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการที่ไมโครซอฟต์ประกาศว่าจะมาลงทุนแสดงว่าไทยสอบผ่าน
“ส่วนจะลงทุนเฟสใหญ่ขนาดไหน ไมโครซอฟท์ก็จะดูว่าประเทศนั้นตลาดขนาดไหน ตลาดมีมูลค่าเท่าไหร่ แล้วจะต่อยอดไปได้อย่างไรบ้าง ซึ่งไทยมีจำนวนใช้บริการทางออนไลน์ ดาต้า ไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาค”นายชัยกล่าว
นายชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า หากคิดตามอัตราต่อหัวประชากร อินโดนีเซียประชากรมากกว่าไทย แต่มาเลเซียคนน้อยกว่า เพราะฉะนั้นของไทยในแง่มุมของขนาดของตลาดผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่ามาเลเซีย และรายได้ต่อหัวไทยก็ไม่ได้น้อยกว่า สุดท้ายขึ้นอยู่กับไมโครซอฟท์ว่าจะตัดสินใจอย่างไร