วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเดิมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยเห็นชอบหลักการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ส่วนวงเงินจะเงินเท่าไหร่นั้นจะมีการหารืออีกครั้ง และในเร็ว ๆ นี้ จะหารือในคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง เห็นชอบอีกครั้ง
“วงเงินจะเพิ่มเท่าไหรนั้น ในการประชุมครม.ครั้งนี้ไม่ได้มีการพูดถึง แต่ได้กำชับว่าให้ทำไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” นายเฉลิมพล ระบุ
ด้าน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบหลักการของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเดิมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อนำมาเป็นแหล่งเงินในการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ตามนโนบายรัฐบาล
ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นไปตามกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณ, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ และ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ โดยรายละเอียดทั้งหมดนั้น สำนักงบประมาณจะเสนอคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง พิจารณารายละเอียด ก่อนนำเสนอให้ ครม. เห็นชอบการปรับปรุงแผนการเงินการคลังระยะปานกลางอีกครั้งในวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า การทำเรื่องนี้ เชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ หลังจากได้รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2567 ซึ่งโตต่ำกว่าที่คิดไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐบาลก็ยังต้องหาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ของเศรษฐกิจ
รายงานข่าวจากทำเนียบระบุว่า ในการเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งนี้ เบื้องต้นได้กำหนดกรอบวงเงินไว้จำนวน 122,000 ล้านบาท เพื่อมาใช้ดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เนื่องจากการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาทนั้นมีวงเงินไม่เพียงพอ เพราะไม่สามารถปรับลดงบประมาณรายจ่ายหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมาย
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรืองบกลางปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณก้อนนี้จะตั้งไว้ในงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ เพื่อนำไปใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท