ชง ครม.เศรษฐกิจ ตั้งวอร์รูม ดัน GDP ปี 67 ทะลุ 2.5%

26 พ.ค. 2567 | 04:10 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2567 | 01:39 น.

จับตา ครม.เศรษฐกิจ ประชุมครั้งแรก เตรียมมาตรการผลักดันเศรษฐกิจไทยปี 2567 ให้ขยายตัวเกินเป้าหมาย 2.5% ด้วยการตั้งวอร์รูมติดตามตัวเลขสำคัญ เร่งเบิกจ่ายงบลงทุน ปรับปรุงสินเชื่อ SMEs และแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ครั้งแรก เพื่อหารือถึงแนวทางจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยเป้าหมายผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวสูงกว่า 2.5%

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ถือว่ามีความจำเป็น โดยจะต้องดูแนวทางหลาย ๆ แนวทางเพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.5% ตามตัวเลขที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้มีการประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้
 

แต่อย่างไรก็ดีคงต้องรอให้วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเชิญรัฐมนตรีจากกระทรวงต่าง ๆ โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ โดยจะโฟกัสไปถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ให้สามารถขยายตัวได้มากกว่า 2.5% หลังจากตัวเลข GDP ของไทยในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ขยายตัวต่ำแค่เพียง 1.5% เท่านั้น 

“สิ่งที่ต้องทำต่อไปในช่วงที่เหลือของปี ต้องหาช่องทาง หรือผลักดันมาตรการต่าง ๆ ในทุก ๆ ด้านออกมาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้มากที่สุด เพราะหากปล่อยไว้นาน โดยที่ไม่มีการลงมือทำอะไรเลยนั้น อาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวได้ต่ำกว่า 2.5% ก็ได้” ที่ปรึกษานายกฯ ระบุ

เร่งรัดจัดซื้อจัดจ้างกระจายงบลงทุนสู่ระบบเศรษฐกิจ

ด้านนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า เรื่องหนึ่งที่สำคัญกับการประคับประคองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ กลไกของการใช้จ่ายงบประมาณก็มีความจำเป็น โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ สำนักงบประมาณ ได้พยายามหาทางเร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆ ใช้จ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้ว ล่าสุดผลการใช้จ่ายงบประมาณในภาพรวมหน่วยงานต่าง ๆ มีการใช้จ่ายแล้วประมาณ 61% ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือต้องเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อกระจายเงินงบประมาณ ในด้านของรายจ่ายลงทุนลงไปยังระบบเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ รวมทั้งการจัดทำงบประมาณในปี 2568 ก็ยังคงทำต่อเนื่องโดยไม่สะดุด ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณทำได้เต็มประสิทธิภาพตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณ หรือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

ขณะที่ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ กล่าวว่า ความจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2567 จำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อีกส่วนต้องกลับมาดูการส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยว่ามีตลาดไหนพอจะขยายตัวได้ และควรเจาะตลาดใหม่ที่ไหนเพิ่มด้วย

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรก จะมีการเสนอให้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญๆรายสัปดาห์ เพื่อนำมาวิเคราะห์และใช้ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ตัวเลขการส่งออกใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกหลัก ทั้งในด้านของมูลค่าและปริมาณ ตัวเลขการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น

นอกจากนี้จะมีการหารือถึงแนวทางการผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น รวมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉุดกำลังซื้อในประเทศ