บุหรี่ไฟฟ้า จากกรณีที่กรุงเทพมหานครมีผู้สูบบุหรี่ จำนวน 1,232,467 คน คิดเป็นร้อยละ 16.1 มีการสูบบุหรี่ประมาณ 10 มวนต่อวัน และนักสูบหน้าใหม่มีอายุเฉลี่ยที่ 18.5 ปี โดยปัจจุบันได้ระบาดลงมาถึงเด็กชั้นประถม อายุแค่ประมาณ 6 ขวบก็มีการสูบแล้ว
จึงต้องขอความร่วมมือคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง คุณครู ติดตามข่าวสารให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนการบังคับใช้กฎหมาย ให้ร่วมมือกันกวาดล้างการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ทั่วไป
ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 31 พ.ค. 67 เรื่อง แนวทางปฏิบัติ เพื่อการป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขและร่วมมือกันเฝ้าระวังไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าสู่การเป็นนักสูบหน้าใหม่ และเพื่อป้องกันควบคุมไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบมีการแพร่หลายในโรงเรียน โดยมีแนวทางปฏิบัติ 5 ข้อ ดังนี้
1. ให้โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ “ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” โดยให้มีการติด/แสดงข้อความหรือสัญลักษณ์ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณทางเข้า – ออก และภายในบริเวณโรงเรียน พร้อมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางที่หลากหลาย
2. ให้โรงเรียนตรวจกระเป๋านักเรียน ตรวจตราบริเวณอาคารสถานที่ภายในโรงเรียนเป็นประจำ เพื่อเป็นการป้องกันการนำบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในโรงเรียน
3. ให้สำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตรวจตราไม่ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณรอบโรงเรียน ชุมชน และแหล่งต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเขต โดยจัดเจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกันระหว่างฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล ฝ่ายเทศกิจ ฝ่ายการศึกษา
4. ให้โรงเรียนจัดทำ Dropbox สำหรับใส่บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อตรวจพบการนำบุหรี่ไฟฟ้า ฯ เข้ามาในโรงเรียน ให้ริบใส่ไว้ใน Dropbox และจัดทำข้อมูลทะเบียนบุหรี่ไฟฟ้า ฯ ดังกล่าว พร้อมแจ้งสำนักงานเขตเพื่อประสานดำเนินการต่อไป
5. ให้ศูนย์บริการสาธารณสุขให้ความรู้ ให้คำปรึกษา และตรวจเยี่ยมโรงเรียน ในกรณีที่มีเด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือสิ่งเสพติดอื่นใด ให้ดำเนินการโดยใช้กระบวนการปรับพฤติกรรมหรือนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาต่อไป