รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอความคิดเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง รายงานความเสี่ยงทางการคลัง ประจำปีงบประมาณ 2566 ของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ สศช. เสนอว่า เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อเสนอแนะในรายงานความเสี่ยงทางการคลังอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดระดับการขาดดุลงบประมาณให้กลับสู่ระดับไม่เกิน 3% ของ GDP รวมทั้งผลักดันแผนการปฏิรูปโครงสร้างรายได้ของรัฐ และพิจารณาปรับลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง
รวมทั้งจัดสรรงบประมาณรายจ่ายที่มีภาระผูกพันชัดเจนให้เพียงพอ โดยเฉพาะการจัดสรรงบชำระคืนต้นเงินกู้ให้สอดคล้องกับมูลหนี้ในแต่ละปี เพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอที่จะรองรับความไม่แน่นอน และความเสี่ยงต่าง ๆ ในระยะต่อไป
สำหรับการก่อหนี้ใหม่ควรมุ่งเน้นไปที่โครงการที่นำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนเป็นลำดับแรก รวมทั้งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำเงินสะสมส่วนเกินมาเป็นเงินทุนในการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ สศช. ยอมรับว่า สำนักงานฯ เห็นควรรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับสถานการณ์และแนวโน้มความเสี่ยงด้านรายได้ ด้านรายจ่าย และด้านหนี้ มุมมองความเสี่ยงทางการคลัง ในอนาคต รวมถึงข้อเสนอแนะเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สศช. เสนอว่า เห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐนำรายงานความเสี่ยง ทางการคลังไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนการคลังระยะปานกลางด้วย
ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบ แผนการคลังระยะปานกลาง ฉบับล่าสุดที่เพิ่งผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั่นคือ แผนการคลังระยะปานกลาง ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 (ปีงบประมาณ 2568 - 2571) กำหนดเป้าหมายและนโยบายการคลัง รัฐบาลยังคงมุ่งเน้นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุลในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ และมุ่งเน้นการปรับลดขนาดการขาดดุลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในระยะปานกลาง
สำหรับรายละเอียดของแผนการคลังระยะปานกลาง ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 กำหนดประมาณการงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ มีดังนี้
ส่วนประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ ปรับเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
ขณะที่การขาดดุลงบประมาณแต่ละปี มีดังนี้
ประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP มีดังนี้