KEY
POINTS
ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมเดินหน้าเข็น 3 บิ๊กโปรเจ็กต์อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่สนข.ผลักดันอย่างระบบตั๋วร่วมที่สอดรับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตลอดจนการเดินหน้าลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว
ในรัฐบาลยุค “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังคงรับไม้ต่อจากรัฐบาลชุดก่อนเพื่อสานต่อบิ๊กโปรเจ็กต์เหล่านี้ให้สำเร็จตามนโยบายที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดในวันที่ 1 ก.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมเตรียมการต้อนรับผู้บริหารบริษัท Dubai Port World (DP World) เพื่อเชิญชวนให้มาลงทุนในโครงการเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย - อันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ซึ่งจะมีการเข้าพบนายกฯ ด้วย โดยยืนยันว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นจริง 100% ภายในรัฐบาลนี้
ที่ผ่านมาจากเปิดรับฟังความคิดเห็นโครงการฯพบว่ามีนักลงทุนชาวต่างชาติแสดงความสนใจร่วมทุนเป็นจำนวนมาก หากมีการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ จะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนลงระบบเศรษฐกิจมากถึง 1 ล้านล้านบาท
สำหรับ DP World ถือเป็นบริษัทชั้นนำของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ที่เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือการขนส่งสินค้าทางทะเลและเขตการค้าเสรี โดยมีเรือนำเข้า 70,000 ลำต่อปี และมีพื้นที่ให้บริการในท่าเรือ 82 แห่งใน 40 ประเทศ
ตามแผนฯ สนข.ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) มาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 68
หลังจากนั้นจะออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนภายในไตรมาส 4 ปี 68 พร้อมเปิดประมูลได้ภายในไตรมาส 2 ปี 69 ก่อนจะเริ่มเวนคืนที่ดินในไตรมาส 4 ปี 69 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 69 พร้อมเปิดให้บริการในปี 73
ขณะที่ความคืบหน้าระบบตั๋วร่วม เพื่อสอดรับกับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย ปัจจุบันจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ในระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
และมอบหมายให้ สนข. เร่งรัดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ…. เสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา คาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือน ก.ค.67 ซึ่งจะเริ่มมีผลใช้บังคับภายในปี 68
ทั้งนี้ตามนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจะใช้ระยะเวลาดำเนินการศึกษาประมาณ 2 ปี หรือภายในปี 2566-2568 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2568
ขณะเดียวกันกระทรวงฯจะจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วมเพื่อชดเชยรายได้แก่เอกชน วงเงินประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะใช้งบประมาณประจำปี 2568 จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีรายได้ทุกปี
นอกจากนี้จะใช้งบประมาณจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน โดยภาครัฐจะต้องหางบประมาณมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ฟากบิ๊กโปรเจ็กต์ส่งท้ายอย่างโครงการรรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท ภายหลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีที่รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 36 ประมูลโครงการฯ ที่มีการกีดกันด้านการแข่งขันชอบด้วยกฎหมายนั้น
ปัจจุบันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับทราบถึงการส่งร่างลงนามสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มของรฟม.มาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว
หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะตรวจร่างสัญญาฯก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาลงนามร่างสัญญากับผู้ชนะการประมูลต่อไป คาดว่าลงนามสัญญาได้ภายในเดือนต.ค.67
ส่วนประเด็นที่มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มยังติดปัญหา 1 คดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมถึงประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนถึงป.ป.ช.เพื่อไต่สวนเพิ่มเติมในการประมูลโครงการฯนั้น
ล่าสุดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ยืนยันแล้วว่าคดีนี้จะไม่กระทบต่อการลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลในครั้งนี้ เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการฯรอบก่อน อีกทั้งมองว่าหน่วยงานที่มีปัญหามีสิทธิ์ฟ้องต่อปปช.ได้ ซึ่งมีการสืบสวนตามขั้นตอน ส่วนที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถเสนอต่อครม.ได้
หลังจากนี้ต้องจับตากระทรวงคมนาคมในยุค “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หากสามารถผลักดันโครงการเหล่านี้ได้สำเร็จตามแผนเชื่อว่าจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างแน่นอน