ครม.สัญจร โคราช เคาะ “แผนก่อหนี้ใหม่” กู้เพิ่มทะลุ 1 ล้านล้าน

02 ก.ค. 2567 | 06:45 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2567 | 06:50 น.

ครม.สัญจร โคราช วันนี้ 2 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปี 2567 ก่อหนี้ใหม่เพิ่มอีก 275,870 ล้านบาท กู้เงินเพิ่มทะลุ 1 ล้านล้านบาท ทำนโยบายรัฐบาล

วันนี้ (2 กรกฎาคม 2567) ที่จังหวัดนครราชสีมา นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 
สำหรับ แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 2 ประกอบด้วย 

  • แผนก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ 275,870.08 ล้านบาท (จากเดิม 755,710.63 ล้านบาท เป็น 1,030,580.71 ล้านบาท) 
  • แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่มสุทธิ 33,420.32 ล้านบาท (จากเดิม 2,008,893.74 ล้านบาท เป็น 2,042,314.06 ล้านบาท) 
  • แผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่มสุทธิ 54,555.17 ล้านบาท (จากเดิม 399,613.70 ล้านบาท เป็น 454,168.87 ล้านบาท)

โดยการดำเนินการดังกล่าว เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน) จำนวน 269,000 ล้านบาท รวมทั้งการปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2571 จำนวน 50,000 ล้านบาท 

รวมทั้งการปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 29,200 ล้านบาท และการปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 25,339.17 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้ในการบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 จำนวน 32 โครงการ/รายการ เช่น 

  • โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพังงา-(ทับปุด) อำเภอเมืองพังงา-ทับปุด จังหวัดพังงา จำนวน 8.19 ล้านบาท 
  • โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 จำนวน 795 ล้านบาท 
  • ตั๋วเงินคงคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 40,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ ต่ำกว่า 1 เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ปรับปรุง ครั้งที่ 2

โดยให้ ธพส. และ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ปรับปรุง ครั้งที่ 2 เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฯ ดังกล่าวด้วย

พร้อมกันนี้ยังมอบหมายสำนักงบประมาณ ให้รับข้อสังเกตในประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในส่วนของต้นเงินและดอกเบี้ยของหนี้รัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจให้เพียงพอและสอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณนั้น โดยควรจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระต้นเงินกู้เฉพาะในส่วนหนี้รัฐบาลให้อยู่ระหว่าง 2.5 – 4% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

นอกจากนี้ยังอนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปกู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 

รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ