ลุ้น “ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2“ สุรพงษ์ ชงครม.ไฟเขียว ก.ย.นี้

02 ก.ค. 2567 | 23:00 น.

“สุรพงษ์” สั่งรฟท.เดินหน้า “ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2 วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท จ่อชงครม.เคาะภายในก.ย.นี้ ขณะที่ไฮสปีด เฟส 1 ติดหล่ม 2 สัญญา เตรียมปิดดีลลงนามสัญญาเอกชนปี 67

KEY

POINTS

  • “สุรพงษ์” สั่งรฟท.เดินหน้า “ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2  วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท
  • จ่อชงครม.เคาะภายในก.ย.นี้
  • ขณะที่ไฮสปีด เฟส 1 ติดหล่ม 2 สัญญา เตรียมปิดดีลลงนามสัญญาเอกชนปี 67

ปัจจุบันภาครัฐเร่งขับเคลื่อนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ทั้ง 2 ระยะ หากโครงการแล้วเสร็จจะเป็นระบบขนส่งทางรางที่สำคัญในประเทศ ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อไปยังประเทศจีน-สปป.ลาว ได้สะดวกมากขึ้น 

 

นายสุรพงษ์  ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กม. วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบและปรับแบบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีจุดตัดทางรถไฟ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่

 

ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว 

 

ในปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอมายังกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน ก.ย.นี้ และสามารถเปิดประมูลพร้อมเริ่มกระบวนการก่อสร้างภายในปี 2567 คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572

 

ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น จะพิจารณาที่มีความเหมาะสม ซึ่งจะต้องหารือร่วมกับสำนักงบประมาณด้วย อย่างไรก็ตามได้ตั้งเป้าหมายให้ดำเนินการแล้วเสร็จให้ทันตามกำหนดและสามารถใช้ประโยชน์ให้ได้ไวที่สุด
 

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย  แบ่งเป็น ค่างานก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟความเร็วสูง 235,129 ล้านบาท ,ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท

 

ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท ,ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท

 

ตามแผนโครงการฯ จะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) จำนวน 10 สัญญา แบ่งออกเป็น งานโยธา 9 สัญญา ,งานติดตั้งระบบและอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา 

 

นอกจากนี้การก่อสร้างงานโยธาในโครงการไฮสปีดไทย-จีน ระยะที่ 2 ได้มีการปรับแบบเป็น ทางวิ่งยกระดับ ระยะทาง 202.48 กม. ทางวิ่งระดับดิน ระยะทาง 154.64 กม. เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่

 

ซึ่งมี 5 สถานีใหญ่ ประกอบด้วย 1.สถานีบัวใหญ่ 2.สถานีบ้านไผ่ 3.สถานีขอนแก่น 4.สถานีอุดรธานี 5.สถานีหนองคาย

 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -  นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร (กม.)

 

ภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48% ซึ่งได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งรัดการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในปี 2571 
 

ทั้งนี้ในปัจจุบันยังติดปัญหาทั้งหมด 2 สัญญา จาก 14 สัญญา ประกอบด้วย 1.สัญญา 4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง ที่ติดปัญหาพื้นที่ทับซ้อนร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น

ลุ้น “ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2“ สุรพงษ์ ชงครม.ไฟเขียว ก.ย.นี้

อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เช่นเดียวกับการรถไฟฯ ที่ได้ดำเนินการปรับความเร็วการเดินรถ 1 สถานี คือ สถานีดอนเมือง-สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยจากเดิมโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จะใช้ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปรับลดลงเหลือความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า  2.สัญญา 4-5 งานโยธา ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ปัจจุบันในพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟอยุธยา ล่าสุดได้ส่งรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (HIA) ฉบับสมบูรณ์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ไปยังองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เรียบร้อยแล้ว 

 

เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะอยู่บนเส้นทางรถไฟเดิม ประกอบกับที่ผ่านมา ได้ขาดการติดต่อจากยูเนสโกมาตั้งแต่ปี 2563 ขณะนี้ได้ดำเนินการตามกระบวนการของยูเนสโกแล้ว

 

"โดยยืนยันว่าจะต้องมีสถานีรถไฟอยุธยา ส่วนการยืนราคาของบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ในเครือบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ที่ชนะการประมูลนั้น ไม่มีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากเอกชนได้มีการยืนราคาเดือนต่อเดือน คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับเอกชนได้ภายในปีนี้”