ด่วน! GULF-INTUCH ประกาศควบรวมกิจการ "สารัชถ์" เล็งตั้งบ.ใหม่ไตรมาส 2/68

16 ก.ค. 2567 | 14:47 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2567 | 04:19 น.

ด่วน! GULF-INTUCH ประกาศควบรวมกิจการ "สารัชถ์" เล็งตั้งบ.ใหม่ไตรมาส 2/68 ระบุเป็นการปรับโครงสร้างของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินการในการบริหารจัดการและการลงทุนในอนาคต

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH) ประกาศควบรวมกิจการ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินการในการบริหารจัดการและการลงทุนในอนาคต รวมทั้งเพื่อลดความซ้ำซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นและต่อยอดโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงาน & โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล 

โดยทั้งสองบริษัทตกลงเข้าทำรายการ ดังนี้ 

  • การควบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH และจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
  • การทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ในหุ้นสามัญของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) 
  • การทำ VTO ในหุ้นสามัญของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM) รวมเรียกว่า “ธุรกรรมปรับโครงสร้างฯ”

วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการบริษัทของ GULF และ INTUCH ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติวาระที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมปรับโครงสร้างฯ โดยในการควบรวมบริษัท จะมีอัตราการจัดสรรหุ้นใน NewCo ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH ดังนี้

  • 1 หุ้น GULF ต่อ 1.02974 หุ้นใน NewCo
  • 1 หุ้น INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้นใน NewCo (ไม่รวมหุ้น 47.37% ใน INTUCH ที่ถือโดย GULF เนื่องจากได้รับการจัดสรรโดยตรงให้แก่ผู้ถือหุ้น GULF) ภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และก่อนการควบรวมบริษัท จะมีการทำคำเสนอซื้อในช่วงเวลาประมาณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 - ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ซึ่งประกอบด้วย 

ด่วน! GULF-INTUCH ประกาศควบรวมกิจการ "สารัชถ์" เล็งตั้งบ.ใหม่ไตรมาส 2/68

  • การทำคำเสนอซื้อหุ้น 36.25% ในหุ้นสามัญของบริษัท ADVANC โดย GULF, INTUCH และ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. (SSI) และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 216.3 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 233,201 ล้านบาท 
  • การทำคำเสนอซื้อหุ้น 58.86% ในหุ้นสามัญของบริษัท THCOM โดย GULF, บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (บริษัทย่อยของ GULF), INTUCH และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 11.0 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 7,097 ล้านบาท 

โดยการทำคำเสนอซื้อดังกล่าวเป็นการทำหน้าที่แทน NewCo ภายหลังจัดตั้งบริษัทใหม่ด้วย technical obligation ซึ่งผลของการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว จะไม่ทำให้อัตราการจัดสรรหุ้นใน NewCo ข้างต้นเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรม คณะกรรมการบริษัท INTUCH พิจารณาในหลักการที่จะจ่ายเงินปันผลพิเศษจากกำไรสะสมของบริษัท จำนวน 4.5 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่า วันกำหนดสิทธิและการจ่ายเงินปันผลพิเศษ จะเกิดขึ้นภายหลังสิ้นสุดการรับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน และก่อนธุรกรรมการควบบริษัทจะเสร็จสิ้น

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะมีการควบรวม (amalgamation) GULF และ INTUCH และจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568

โดยในช่วงที่ผ่านมา GULF ได้เข้าไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH และ THCOM ได้ศึกษาแนวทางเลือกหลายแนวทางในการจัดโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่ม GULF และในกลุ่ม INTUCH รวมไปถึง ADVANC และ THCOM ให้เหมาะสม  ซึ่งภายหลังจากได้มีการหารือในประเด็นต่างๆ เห็นว่าแนวทางการควบรวมบริษัทระหว่าง GULF ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน 

และ INTUCH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน ADVANC ผู้นำด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เป็นประโยชน์กับทั้งสองบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย  รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นำในการขยายงานด้านธุรกิจพลังงานและธุรกิจโทรคมนาคม ทางด้านธุรกิจพลังงานบริษัทได้มุ่งมั่นที่จะขยายไปสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ส่วนในด้านธุรกิจโทรคมนาคมก็จะเน้นต่อยอดธุรกิจไปในธุรกิจดิจิทัลมากขึ้นตามที่ได้มีข่าวจากบริษัทเป็นระยะๆ 

“การควบรวมดังกล่าวจะทำให้การบริหารจัดการของบริษัทภายในกลุ่มทั้งหมดมีความเข้มแข็งและชัดเจนมากขึ้น โดยการควบรวมกิจการในครั้งนี้เป็นธุรกรรมควบรวมขนาดใหญ่ และมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศไทยและในสิงคโปร์เกี่ยวข้องด้วยถึง 5 บริษัท ได้แก่ GULF, INTUCH, ADVANC THCOM และ Singtel เป็นธุรกรรมที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องคำนึงถึงผลกระทบในทุกๆ ด้าน และผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกๆ ฝ่าย ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สถาบันการเงิน และกองทุนต่างๆ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด ทำให้การควบรวมบริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้ และบริษัทก็หวังว่าการควบรวมครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวในเชิงบวกสำหรับตลาดทุนไทย และจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธุรกรรมปรับโครงสร้างฯ คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยมี บล.บัวหลวง และ UBS AG Singapore Branch เป็นที่ปรึกษาในธุรกรรมนี้”