นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สคร.ได้จัดการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการจำหน่ายหุ้นของกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณากรอบแนวทางการจำหน่ายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ โดยครั้งนี้ เป็นการพิจารณากรอบการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว ถือเป็นการประชุมครั้งแรกนับจากที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการจำหน่ายหุ้นของกระทรวงการคลัง โดยมีผอ.สคร.เป็นประธาน และเตรียมว่าจ้างคณะที่ปรึกษาจากภายนอกเข้ามาให้คำปรึกษาเพิ่มเติม
สำหรับเบื้องต้น มีหุ้นที่กระทรวงการคลังถือนอกตลาดหลักทรัพย์ราว 25 บริษัท มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เตรียมที่จะเสนอขายออกไป โดยหุ้นบางตัวนอกจากจะไม่สร้างรายได้เพิ่ม ในทางกลับกันยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลอีกด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางที่จะทำให้รัฐได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการถือหลักทรัพย์ดังกล่าว
“คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจำหน่ายหุ้น โดยนำเอาปัญหาและอุปสรรคของการขายหุ้นในครั้งก่อนมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมให้กรอบระยะเวลาการพิจารณาการจำหน่ายหุ้นดังกล่าว ซึ่งโดยเร็วที่สุดน่าจะเสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติภายในสิ้นปีนี้”
ขณะที่ปัจจุบันหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังถือครองทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ ไม่นับรวมรัฐวิสาหกิจมีอยู่ประมาณ 117 หลักทรัพย์ แบ่งเป็น
มูลค่ารวมหลักทรัพย์ทั้งหมดอยู่ที่เกือบ 4 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นของกองทุนวายุภักษ์ 3.4 แสนล้าน ที่เหลือเป็นหลักทรัพย์อื่นๆ
นายธิบดี กล่าวว่า สคร.ได้จัดเก็บเงินนำส่งรายได้เข้าแผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 9 เดือน (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567) จำนวน 156,436 ล้านบาท คิดเป็น 89% ของเป้าหมายทั้งปีที่อยู่ 175,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในจำนวนนี้ เป็นรายได้ที่รับจากเงินปันผลของกองทุนวายุภักษ์หนึ่งเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจำนวน 11,390 ล้านบาท
สำหรับ 10 อันดับแรกของรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้เข้าแผ่นดินสูงสุด ได้แก่
อย่างไรก็ดี ระยะเวลาที่เหลือปีงบประมาณ 2567 สคร.จะบริหารและกํากับติดตามการจัดเก็บเงินนําส่งรายได้แผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างใกลชิด เพื่อสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศต่อไป