ครม.รับลูก ป.ป.ช. รื้อสินบนรางวัลศุลกากร ป้องประโยชน์ทับซ้อน-ลดดุลพินิจ

30 ก.ค. 2567 | 08:58 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2567 | 09:09 น.

ครม.รับทราบ ข้อเสนอ ป.ป.ช. ทบทวนหลักเกณฑ์-เงื่อนไข ความจำเป็นการจ่ายเงินสินบน-รางวัลเจ้าหน้าที่ศุลกากร รื้อ อัตราส่วนแบ่งเงินรางวัลสอดคล้องการมีส่วนร่วม-ระดับตำแหน่ง ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน-ดุลพินิจ มอบกระทรวงการคลัง ร่วม ป.ป.ส. ปปง. ถก ให้ได้ข้อยุติ ภายใน 30 วัน

วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ โดยข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลของกรมศุลกากร เช่น 

ครม.รับลูก ป.ป.ช. รื้อสินบนรางวัลศุลกากร ป้องประโยชน์ทับซ้อน-ลดดุลพินิจ

  • ให้กระทรวงการคลังศึกษาวิจัยความจำเป็นในการให้เงินรางวัลเพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่และความเป็นไปได้ในการใช้ช่องทางตามระบบการกำหนดค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐในปัจจุบันให้เหมาะสมกับลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่แทนระบบการจ่ายรางวัลจากเงินค่าปรับที่ได้รับ 
  • พิจารณาปรับปรุงบัญชีอัตราส่วนแบ่งเงินรางวัลให้เหมาะสมสะท้อนการมีส่วนร่วมและผลการปฏิบัติงานมากกว่าระดับตำแหน่งเพื่อป้องกันการมีผลประโยชน์ทับซ้อนและลดการใช้ดุลยพินิจโดยหัวหน้าส่วนราชการ 
  • ให้กรมศุลกากรจัดทำ “ฐานข้อมูลกลาง” เกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและรางวัลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ และให้จัดทำข้อมูลเชื่อมโยงถึงที่มาที่ไปของรายการการกระทำความผิด รายการทรัพย์สินที่นำไปสู่การจ่ายเงินสินบนและรางวัล 

ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่บัญญัติให้ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อครม. และเมื่อครม.ได้รับแจ้งมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. แล้ว หากเป็นกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อ ป.ป.ช. ทราบต่อไป ทั้งนี้ไม่เกิน 90 วันนับแต่ได้รับแจ้งจากร ป.ป.ช. (ครบกำหนดวันที่ 29 กันยายน 2567)

โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณาผลการดำเนินการในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอครม.ต่อไป