"สสว." ปักหมุดดัน "GDP" เอสเอ็มอีโต 40% ปี 70-รุกเจาะตลาดจีนเที่ยวไทย

05 ส.ค. 2567 | 13:43 น.
อัพเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2567 | 13:43 น.

"สสว." ปักหมุดดัน "GDP" เอสเอ็มอีโต 40% ปี 70-รุกเจาะตลาดจีนเที่ยวไทย พร้อมเดินหน้าจับมือดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย และ เอวีโปรเจคท์ ยกระดับ MSME ด้านการท่องเที่ยวและบริการให้มีโอกาสขยายการเติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดแผยว่า สสว.ต้องการผลักดันสัดส่วน GDP ของ SMEs ให้เพิ่มเป็น 40% ภายในปี 2570 จากเป้าหมายปี 67 ที่ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 37% 

นอกจากนี้ สสว. จะขับเคลื่อนเพื่อยกระดับ MSME ด้านการท่องเที่ยวและบริการให้มีโอกาสขยายการเติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่ โดยเฉพาะการดึงตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงได้ร่วมกับ บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท เอวีโปรเจคท์ จำกัด รวมถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ พัฒนามินิแอปพลิเคชั่น เหวยไท่กว๋อ หรือ Hello Thailand 

ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน สามารถเข้าถึงร้านอาหาร โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ 40 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ไปจนถึงบริการ Payment on Service และ Payment on Ground ที่จำเป็นและสามารถใช้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ
 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สสว. ทำงานร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชน ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศให้เติบโตภายในประเทศโดยเชื่อว่าการดำเนินการร่วมกับ ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย และเอวีโปรเจคท์ จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการ MSME ให้มีพื้นที่เติบโตในตลาดต่างประเทศ 

"สสว." ปักหมุดดัน "GDP" เอสเอ็มอีโต 40% ปี 70-รุกเจาะตลาดจีนเที่ยวไทย

สสว.ได้ทำการคัดสรรผู้ประกอบการกว่า 100,000 รายทั่วประเทศ ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า บริการ สินค้า การท่องเที่ยว ให้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มเหวยไท่กว๋อ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ MSME ได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย

นางสาวพรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จุดเด่นของเหวยไท่กว๋อจะเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ครอบคลุม 66 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ สมุย กรุงเทพฯ และอุบลราชธานี โดยข้อมูลทั้งหมดจะเป็นภาษาจีน นักท่องเที่ยวจึงสามารถเข้าถึงร้านอาหารท้องถิ่น ซื้อสินค้าจากชุมชน ซื้อแพ็คเกจทัวร์ รวมไปถึงบริการ Payment on Service ที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองไทยอย่างง่ายดาย
 

โดยสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน WeChat Pay ได้สะดวกยิ่งขึ้น การใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ถูกจังหวะและถูกเวลา จะช่วยให้ขับเคลื่อน SME ไทยก้าวสู่ตลาดจีนได้แบบก้าวกระโดด โดยได้ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวจีนทุกคนต้องมี ตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิก 200 ล้านคน และมี Active User ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคน 

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 80.6% เป็นกลุ่ม FIT (Free Independence Traveler) ที่นิยมการท่องเที่ยวแบบอิสระ มีเงินใช้จ่ายประมาณ 40,000- 100,000 บาท โดยมีไลฟ์สไตล์การเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เน้นความหรูหรา มองหาสถานที่และกิจกรรมสำหรับคู่รัก ไปจนถึงการพักผ่อนเพื่อบำบัดกายใจ และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น กลายเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย