กูรู-เอกชนเสียงแตก ตั้ง ‘บันเทิงครบวงจร’

09 ส.ค. 2567 | 03:25 น.
อัพเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2567 | 03:28 น.

นักวิชาการ-เอกชนเสียงแตก ไทยเดินหน้า “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ย้ำการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายควรทำประชามติ “ประธานหอการค้าไทย” ชี้ต้องชัดเจนทั้งหลักเกณฑ์ รูปแบบกิจการ การลงทุน ข้อบังคับและเงื่อนไข “โรงแรม-อสังหาฯ-โรงพยาบาล” หนุนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว

การเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ระหว่างวันที่ 2-18 สิงหาคม 2567 เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เช่น โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร สวนสนุก สนามกีฬา เป็นต้น ร่วมกับกาสิโน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ

โดยสาระสำคัญในการกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ที่ต้องมีธุรกิจสถานบันเทิงอย่างน้อย 4 ประเภทร่วมกับกาสิโน มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ใบอนุญาตประกอบธุรกิจระยะเวลานานสุด 30 ปี และสามารถต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี

กูรู-เอกชนเสียงแตก ตั้ง ‘บันเทิงครบวงจร’

ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการห้ามโฆษณาหรือเชิญชวนเกี่ยวกับกาสิโน ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ และคนไทยที่เข้าใช้บริการจะต้องลงทะเบียนและเสียค่าธรรมเนียม 5,000 บาทต่อครั้ง เป็นต้น จึงกลายเป็นเรื่องร้อน ที่มีทั้งผู้คัดค้านและสนับสนุน

 

ประชาพิจารณ์บนเว็บไซต์ไม่พอ

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 99 อาจารย์ที่ร่วมลงชื่อคัดค้านการเปิดกาสิโนใน “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ได้แสดงความกังวลกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในประเด็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นเฉพาะบนเว็บไซต์นั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากเรื่องกาสิโนเป็นประเด็นที่มีผลกระทบในวงกว้าง การรับฟังความคิดเห็นควรทำในหลายช่องทางและหลายพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึง

“ไม่ใช่แขวนไว้บนเว็บไซต์ มีประชาชนคนไหนบ้างที่จะเข้าไปตรวจสอบว่าวันนี้จะมีกฎหมายอะไรได้ทุกวัน ไม่มี เพราะไม่ใช่พฤติกรรมของคนทั่วไป ใช้วิธีนี้ก็เท่ากับลักไก่” รศ.ดร.นวลน้อยกล่าวและว่า

กูรู-เอกชนเสียงแตก ตั้ง ‘บันเทิงครบวงจร’

ประเด็นการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายควรผ่านการทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง เพราะมีความกังวลว่าการเปิดกาสิโนอาจนำไปสู่ปัญหาสังคมต่างๆ เช่น การติดการพนัน ปัญหาครอบครัว และอาชญากรรม

ซึ่งอาจส่งผลเสียมากกว่าประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับ นอกจากนี้แม้ว่าร่างกฎหมายจะระบุถึงการจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแล แต่ยังมีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและการป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น

ด้านดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า สิ่งสำคัญ คือ เรื่องของเงื่อนไขการดำเนินงานต่างๆ เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่าผลได้ทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน และต้องแลกมาด้วยผลเสียทางสังคมแค่ไหน เช่น พื้นที่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่เศรษฐกิจหลักเดิมแค่ไหน มีข้อจำกัดด้านผู้เล่นอย่างไร มีเงื่อนไขการจัดเก็บรายได้ประเภทใดบ้าง และมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ เนื้อหาส่วนนี้ยังไม่มีจึงประเมินไม่ได้ สิ่งที่เห็นเฉพาะในข้อมูลที่ปรากฎ คือ เรื่องทุนชำระ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าการกำหนดทุนชำระควรจะต้องสูง เพื่อให้เกิดความมั่นคง แต่ก็ต้องมีมาตรฐานเรื่องการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากลระดับโลกด้วย ส่วนการต่ออายุ แบบ 30 + 10 ก็อาจจะต้องไปดูว่าสอดคล้องกับเงื่อนไขที่ต่างประเทศเขาใช้กันหรือไม่อย่างไร ควรจะวางเงื่อนไขต่างๆ ตามแนวทางของต่างประเทศ เพราะต้องการธุรกิจที่แข่งขันได้ในระดับโลก เน้นรายได้จากภาคท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงต้องมีบริการให้ได้มาตรฐานระดับโลก

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยด้านเสียงสนับสนุนส่วนหนึ่งมองว่า จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ และอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ ส่วนด้านเสียงคัดค้านส่วนใหญ่จะมองในแง่มุมทางสังคม โดยกังวลว่าหากไม่สามารถควบคุมได้จริง จะทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันได้ง่าย รวมถึงปัญหาการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา

อย่างไรก็ดีในเรื่องการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรของต่างชาติ หรือคนไทย หากร่างพระราชบัญญัติฯ ได้รับการเห็นชอบและบังคับใช้เป็นกฎหมาย หอการค้าฯ มองว่าส่วนนี้คงต้องรอความชัดเจนของการกำหนดหลักเกณฑ์ รูปแบบกิจการ รูปแบบการลงทุน ข้อบังคับและเงื่อนไขที่ผู้ลงทุนจะต้องปฏิบัติตาม

ที่ยังมีรายละเอียดอีกมาก หากมีความชัดเจนในประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น เชื่อว่าภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ที่สนใจคงจะมีการพิจารณาความคุ้มค่า และความเหมาะสมในการลงทุน เนื่องจากเป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

ช่องทางนำเงินเข้าประเทศ

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า แนวคิดการผลักดันให้เกิดกาสิโนในไทย ถ้าทำได้ก็ถือว่าดี เพราะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำเงินเข้าประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็ทำกัน อย่าง ลาสเวกัส มาเก๊า เก็นติ้ง ก็มีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ และมีกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ก็มีทั้งคนเข้าไปเล่นกาสิโน และนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยว เพราะมีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร การแสดงโชว์ดังๆระดับโลก สวนสนุก และโรงแรมหรู

ดังนั้นการเปิดกาสิโนในไทย ควรมีการวางกฏกติกาหรือมาตรการในการควบคุมที่ชัดเจน ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว เพราะไม่อยากถูกยึดใบอนุญาต ดังนั้นสิ่งใดที่เป็นข้อกังวล อย่างกลัวคนไทยเข้าไปเล่น เกิดหนี้สิน หรือกลัวว่าจะเกิดปัญหาสังคม การใส่ไว้เป็นกติกาที่จะออกมาเป็นกฏหมายก็เป็นสิ่งที่ดี

อาทิ การห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้าใช้บริการ ซึ่งควรระบุชัดเจนว่าเด็กไทยหรือการเปิดให้คนไทยเข้าใช้บริการได้แต่ต้องลงทะเบียนและเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้า ซึ่งก็สกรีนได้ว่าคนไทยที่เข้าไปเล่นก็ไม่ได้เดือดร้อน ส่วนต่างชาติก็ควรเปิดให้ใช้บริการได้โดยไม่ต้องไปตั้งข้อจำกัด

“การให้คนไทย ที่มีสิทธิเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ต้องลงทะเบียนและเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าครั้งละ 5,000 บาท ผมมองว่าควรจะกำหนดค่าธรรมเนียมให้มากกว่านี้ เพราะการจะควบคุมให้คนไทยที่เข้าไปเล่นได้ ต้องเป็นกลุ่มคนที่กำลังทรัพย์สูงจริงๆ เพื่อไม่ให้คนไทยก่อหนี้หรือเป็นปัญหา โดยเสนอว่าน่าจะให้เกณฑ์เดียวกับดิจิทัล วอลเล็ต โดยให้เฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้และกำลังทรัพย์สูง ที่ไม่ได้เข้าข่ายรับเงินดิจิทัล วอลเล็ต เท่านั้น ที่มีสิทธิเข้ามาเล่นกาสิโนได้”

นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราจะทำกาสิโน ต้องมองในเชิงยุทธศาสตร์ว่าจะแข่งกับใคร ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาไทยไม่ไปมาเก๊า หรือเก็นติ้งเขาขายอะไร ถ้าจะทำแบบลาสเวกัส ก็ควรจะมองพื้นที่ที่ยังไม่เจริญ เพื่อพัฒนาให้เกิดขึ้น ส่วนมาเก๊าพอเอากาสิโนเมืองนอกอย่างลาสเวกัสไปเปิด ตอนนี้มาเก๊ามีโชว์ดีระดับโลกเช่นกัน การมีกาสิโนในไทยก็ดีต่อการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่มีเม็ดเงินเข้าประเทศได้มากขึ้น แต่ถ้าไม่มีก็ไม่มีมานาน ถ้ามีก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เพิ่มขึ้นมา และทำให้เกิดการจ้างงานในวงกว้างด้วย

หวั่นประเทศติดกับดักถาวร 

ขณะที่นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอมอีไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยมีนโยบายทำ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” เพื่อสร้างเศรษฐกิจรูปแบบใหม่นั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคาดหวังว่าจะต้องลดปัญหา สร้างรายได้ สร้างโอกาส ไม่ใช่เพิ่มปัญหาให้กับเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากสามารถนำธุรกิจใต้ดินที่ดำเนินการผิดกฎหมาย และสร้างปัญหาทั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น อาชญากรรมทางสังคม เศรษฐกิจนอกระบบที่ปราบปรามไม่ได้จริงแล้วนำขึ้นมาทำในระบบอย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมารัฐบาลถอดบทเรียนในต่างประเทศที่ทำเรื่องนี้อย่างไรแล้วบ้าง อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ลาตินอเมริกา มาเก๊า กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งบริบทประเพณี วัฒนธรรมในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน ไม่ใช่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์มีทั้งบนดิน ใต้ดินเกลื่อนกลาดไปหมดกลายเป็น “จ่ายครบ จบทุกเรื่อง” หรือมีแต่กลับกลายเป็นแหล่งมั่วสุม อบายมุข ยาเสพติด ธุรกิจผิดกฎหมาย

“ประเทศไทยมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่า พนันออนไลน์ บ่อนวิ่ง บ่อนถาวร จะลดลงอย่างไร? ประเทศเรามุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียวและความยั่งยืนที่จะขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับหนี้ครัวเรือนที่ด้อยคุณภาพ ปัญหาสินบนทุจริตขยายวงกว้าง รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนมั่นใจ ไว้วางใจได้ว่า “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” จะไม่สร้างปัญหาซ้อนปัญหาให้กับประเทศไทยติดกับดักถาวร”

อสังหาฯ-โรงพยาบาลหนุน

ด้านภาคอสังหาริมทรัพย์ นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดตั้งโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว เนื่องจากประเทศรอบบ้านของไทยล้วนมีโครงการดังกล่าว ดังนั้นไทยไม่ควรเสียโอกาส

ทั้งนี้ผลที่ตามมา จะมีการดึงเม็ดเงินเข้าประเทศจากการลงทุน เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว จากความต้องการของกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รวมถึงที่อยู่อาศัยที่จะได้อานิสงส์ แต่ทั้งนี้ต้องกำกับคนไทยเหมือนกับประเทศมาเลเซียที่ระบุว่าการเข้าไปในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ต้องเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูงเท่านั้น

เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและดำเนินการไปตามกฎหมาย เป็นสถานบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เข้าใจว่า 1 ในนั้นมีโรงพยาบาลอยู่ด้วย

แน่นอนว่าในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลมีความสนใจเข้าไปลงทุนอยู่แล้ว เพราะหลากหลายธุรกิจที่จะเกิดขึ้นรวมถึงกาสิโนจะดึงดูดผู้คนจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจด้านการแพทย์จะเกี่ยวข้องกับผู้คน ที่ไหนมีจำนวนคนมากจะมีความต้องการด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วย โรคทั่วไป โรคที่เกิดขึ้นเฉียบพลันแล้วต้องได้รับการดูแลทันที

“บริการด้านการแพทย์ต้องมีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ต้องพิจารณาขนาดของการบริการว่าจะลงทุนใหญ่ขนาดไหน ลูกค้ากลุ่มไหน จะต้องนำการแพทย์แบบไหนเข้าไป ทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หากขาดสิ่งนี้ไปก็ไม่ครบสมบูรณ์ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจ”