เศรษฐา เรียกถกด่วน 2 รมต. พร้อมหน่วยงานการค้า ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาล

วันนี้ (14 สิงหาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางการลุ้นระทึก กรณีศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมหารือ ก่อนจะอ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ 40 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัย กรณี นายเศรษฐา นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงบ่ายวันนี้

สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบไปด้วย รัฐมนตรี 2 กระทรวง คือ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี 

รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ประธานผู้แทนการค้าไทย และ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และนางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือติดตามการปฏิบัติงานของทูตพาณิชย์ โดยเฉพาะการหาช่องทางการเปิดตลาดการค้ากับประเทศเป้าหมาย เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น

สำหรับในการหารือครั้งนี้นายกฯ ยังได้ให้ทางปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางร่วมคณะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เยือนสาธารณรัฐคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 13-18 สิงหาคม 2567 เพื่อเปิดโอกาสทางการค้ากับคาซัคสถานที่เป็นตลาดใหม่ด้วย

อย่างไรก็ตามภายหลังนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” หารือกับหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการค้าเสร็จสิ้น ก็ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดใต้ทางด่วน บริเวณสะพานเพลินจิต ซึ่งดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)

จากนั้นในเวลาประมาณ 12.20 น. นายกรัฐมนตรี และคณะก็ได้เดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง คาดว่าจะรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงบ่ายวันนี้

ต่อมาเวลา 12.26 น. นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย Srettha Thavisin พร้อมภาพการประชุม โดยระบุว่า  บ้านเรามีศักยภาพ มีสินค้ามากมาย เราต้องค้าขายให้ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพให้ได้มากกว่านี้ 

รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับปากท้องของพี่น้องประชาชนซึ่งต้องมาก่อน ไทยจึงต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศและดำเนินการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นตลาดเดิมที่มีมูลค่าสูง และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมาก จึงเป็นที่มาของการหารือเรื่องการตั้งเป้าหมายทางการค้า การลงทุนให้บูรณาการและมีรูปธรรมมากขึ้นกว่าที่เป็น 

โดยจะตั้ง KPI ร่วมใหม่ระหว่างสถานทูต ผู้ช่วยทูตพาณิชย์ ผู้ช่วยทูตเกษตร และผู้แทนการค้าไทย ให้เจาะลึกลงรายประเทศ โดยเน้นประเทศที่เป็นตลาดสำคัญและตลาดใหม่ เพื่อ match ความต้องการของตลาดโลกของประเภทและจำนวนสินค้าที่เรามี ให้มีตัวเลขที่ชัดเจน

รวมถึงอุปสรรค เพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุด และอัตรากำลังพลที่จะต้องเพิ่มในประเทศที่มีศักยภาพ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีสินค้าที่ดี สินค้าเกษตร ทั้งพืชหลัก พืชรอง มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ  ที่ตอบโจทย์ความต้องการในต่างประเทศได้ หากทุกหน่วยงานร่วมมือกัน ผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะตัวเลขการส่งออก และการลงทุนได้อย่างมหาศาล